นายหลักชัย กิตติพล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยฮั้วยางพารา เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจเลื่อนการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก(IPO)และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไปเป็นปี 55 จากเดิมกำหนดไว้ช่วงไตรมาส 3-4/54 หลังจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เกิดความไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างภายใน เพื่อเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการให้เป็นระบบมากขึ้น จากเดิมที่เป็นธุรกิจแบบครอบครัว เพื่อเตรียมความพร้อมในการยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เมื่อสภาวะรอบด้านดีขึ้นกว่านี้
"ในช่วงนี้เราพร้อมที่จะยื่นไฟลิ่งได้แล้วแต่ยังไม่มีการยื่น เนื่องจากภาวะตลาดตอนนี้ที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน การเข้าตลาดก็เหมือนการแต่งงาน ก็ต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน...พยายามเข้าให้เร็วที่สุดถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราพร้อมเข้าได้ทันที" นายหลักชัย กล่าว
สำหรับแผนขายหุ้น IPO ของบริษัทคาดว่าจะระดมเงินเพื่อนำไปใช้ในการสร้างโรงงานที่ จ.พิษณุโลก และ จ.อุดรธานี และเป็นเงินทุนหมุนเวียน จากปีนี้บริษัทสร้างโรงงานที่ จ.บุรีรัมย์ แล้ว นอกจากนี้ มีแผนจะลงทุนเพื่อปลูกยางพารา บนเนื้อที่ 300 ไร่ ที่ จ.กาญจนบุรี
นายหลักชัย กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จากปี 53 ที่มีรายได้ 3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโต 40-50 ล้านบาท และปี 55 คาดว่ารายได้และกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง ตามราคายางพาราที่มีทิศทางที่ดีขึ้น แม้บางช่วงราคาปรับลดลงบ้างตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ และหวังว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกคงไม่ชะลอจนถึงขั้นวิกฤติ
อนึ่ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา 54 “ไทยฮั้วยางพารา"เตรียมยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต.โดยคาดว่าขาย IPO จำนวน 400-500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25-30% ของทุนจดทะเบียนที่ 1,650 ล้านบาท พร้อมความประสงค์จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ SET โดยแต่งตั้ง บล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน