ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ร่วง 283.82 จุดหลังเฟดเตือนศก.เสี่ยงขาลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 22, 2011 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่ามาตรการ Operation Twist ที่เฟดประกาศใช้ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ อาจไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 283.82 จุด หรือ 2.49% ปิดที่ 11,124.84 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 35.33 จุด หรือ 2.94% ปิดที่ 1,166.76 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 52.05 จุด หรือ 2.01% ปิดที่ 2,538.19 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อช่วงค่ำวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างเชื่องช้า และมีความเสี่ยงหลายด้านที่จะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะขาลง ซึ่งรวมถึงภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลก

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่เฟดแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและหวั่นวิตกว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้นั้นอาจะต้องใช้เวลานาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่ามาตรการ Operation Twist ที่เฟดประกาศใช้ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ จะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% และประกาศใช้ Operation Twist ด้วยการใช้เงินมูลค่า 4 แสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุการไถ่ถอน 6-30 ปี พร้อมกับขายพันธบัตรอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่า ในวงเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์เท่ากัน โดยเฟดมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ต่ำลง เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม

นักวิเคราะห์จากบริษัทแกรี่ โกลด์เบิร์ก ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กล่าวว่า "การที่เฟดตัดสินใจใช้มาตรการ Operation Twist นั้น สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของเฟดที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่ค่อนข้างรุนแรงและยาวนาน ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปีหรือสองปี หรืออาจกล่าวได้ว่าการที่เฟดตัดสินใจใช้มาตรการ Operation Twist ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มเข้าสู่วิกฤติแล้ว"

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงเหลือ 1.5% ในปีนี้ และ 1.8% ในหน้า จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ และ 2.7% ในปีหน้า รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำรหนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (อียู) ยืนยันว่าจะดำเนินการทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจของกรีซอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจอนุมัติการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจส่งผลให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.86% เมื่อคืนนี้ จากระดับของวันอังคารที่ 1.93%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดิ่งลงหนักสุดเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ายอดขายในอเมริกาเหนือขยายตัวขึ้น 30% ในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัวได้ดีถึง 50% ขณะที่หุ้นวอเตอร์ เอนเนอร์จี ดิ่งลง 11% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2554 หุ้นอัลฟา เนเชอรัล รีซอสเซส ร่วงลง 15% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2554 เช่นกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของแบงก์ ออฟ อเมริกา และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.8% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 0.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 6.2% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.1%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงแรงงานจะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และคอนเฟอเรนซ์บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ