ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากความกังวลที่ว่ากรีซอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า อียูจะทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจของกรีซอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจอนุมัติการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.7% ปิดที่ 225.33 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 137.88 จุด หรือ 2.47% ปิดที่ 5,433.80 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสดิ่งลง 48.23 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 2,935.82 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลง 75.30 จุด ปิดที่ 5288.41 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซาในช่วงเช้า หลังจากเจ้าหน้าที่ของอียูเปิดเผยว่าจะทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจของกรีซอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่ แม้รัฐบาลกรีซยืนยันว่า การประชุมทางไกลระหว่างนายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลังกรีซ กับเจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และอียูเมื่อช่วงค่ำวานนี้ "มีความคืบหน้าไปในทางที่ดี" ก็ตาม
หุ้นกลุ่มบริษัทรถยนต์ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเปอโยต์ ซีตรอง ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ร่วงลง 5.7% หุ้นโฟล์คส วาเก้น ร่วงลง 2.6% หุ้น Bayerische Motoren Werke AG ผู้ผลิตรยถนต์บีเอ็มดับเบิลยู ร่วงลง 2.7% หุ้นเดมเลอร์ เอจี ร่วงลง 3.8% ส่วนหุ้นเฟี๊ยต เอสพีเอ ดิ่งลง 6.2% หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเฟี๊ยต
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน รวมถึงโลหะทองแดง นิกเกิล และดีบุก โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก ร่วงลง 3.9% หุ้นอันโตฟากัสตา ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองแดงของชิลี ร่วงลง 6.7% และหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 4.2%
หุ้นสายการบินลุฟท์ฮันซา ร่วงลง 5% ปิดที่ 9.80 ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2552 หลังจากดอยช์แบงก์ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นลุฟฮันซาลงมาอยู่ที่ระดับ “sell" จากระดับ “hold"