โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO)จากกำไรปีนี้ยังเติบโตดี คาดว่กำไรสุทธิในช่วง 3,100-3,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,888 ล้านบาท การขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้แข็งแกร่งมากเติบโตตามเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
นอกจากนี้ TISCO มีฐานสินเชื่อส่วนใหญ่ที่เป็นสินเชื่อรถยนต์ ดังนั้นจึงคาดว่าน่าจะได้ประโยชน์สูงจากมาตรการรถยนต์คันแรกของภาครัฐฯ รวมทั้งมองว่าตัวเลข NIM น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น จากที่มองว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวแล้ว
สำหรับเรื่องเกณฑ์ใหม่ของการออกตั๋ว B/E มองว่า TISCO และ TCAP จะได้รับผลกระทบมากสุด เพราะเป็นแบงก์ที่ระดมทุนด้วยตั๋ว B/E มากสุด แต่หากคิดในแง่ที่เลวร้ายสุด TISCO ก็น่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 6-7% ของกำไร หากเทียบกับการเติบโตของสินเชื่อก็ถือว่าไม่ได้กระทบมากเท่าไร เพราะปีนี้สินเชื่อของ TISCO จะเติบโตดีมาก
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กสิกรไทย ซื้อ 57.00 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 54.00 บล.ธนชาต ซื้อ 50.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 48.80 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 46.00 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 45.70 บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 45.50 บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อเก็งกำไร 43.50
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะ"ซื้อ"หุ้น TISCO เนื่องจากภาพรวมกำไรยังเติบโตดี คาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 3,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,889 ล้านบาท โดยการขยายตัวของสินเชื่อของ TISCO ในปีนี้จะแข็งแกร่งมาก
นอกจากนี้ TISCO มีฐานสินเชื่อส่วนใหญ่ที่เป็นสินเชื่อรถยนต์ ดังนั้น คาดว่าน่าจะได้ประโยชน์สูงจากมาตรการรถยนต์ของภาครัฐฯ รวมทั้งมองว่าตัวเลข NIM น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น จากที่มองว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวแล้ว
อย่างไรก็ดี อาจจะได้รับผลกระทบในแง่ของการออกตั๋ว B/E ที่ TISCO ได้มีการระดมทุนด้วยการออกตั๋ว B/E ค่อนข้างมาก ดังนั้นจะทำให้ต้องมีการเก็บบางส่วนไว้เป็นเงินสำรองตามกฎหมาย จากเดิมเมื่อออกตั๋ว B/E แล้วสามารถใช้ได้ทั้ง 100% แต่ตอนนี้กฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องแบ่งไปตั้งสำรองไว้ด้วย
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ให้เหตุผลแนะ"ซื้อ"หุ้น TISCO ว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการรัฐฯในเรื่องรถคันแรก อีกทั้งปีนี้คาดการณ์ว่าสินเชื่อจะมีการเติบโตสูงถึง 25% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 20% ซึ่งการขยายตัวของสินเชื่อก็น่าจะมาจากการเติบโตตามเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาดีขึ้น ประกอบกับอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย
สำหรับเรื่องเกณฑ์ใหม่ของการออกตั๋ว B/E มองว่า TISCO และ TCAP จะได้รับผลกระทบมากสุด เพราะเป็นแบงก์ที่ระดมทุนด้วยตั๋ว B/E มากสุด แต่หากคิดในแง่ที่เลวร้ายสุด TISCO ก็น่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 6-7% ของกำไร ซึ่งหากเทียบกับการเติบโตของสินเชื่อก็ถือว่าไม่ได้กระทบมากเท่าไร เพราะปีนี้สินเชื่อของ TISCO จะเติบโตดีมาก
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ที่ 3,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,888 ล้านบาท
ส่วน น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ยังคงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น TISCO อยู่แม้ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายใหม่ เนื่องจากธุรกิจยังมีการเติบโตดีอยู่ ทำให้มีความน่าสนใจ โดยปีนี้การขยายตัวของสินเชื่อจะดีมาก แม้จะมองว่าจะได้รับผลกระทบจากการออกตั๋ว B/E ที่ทำให้กระทบต่อฐานทุนได้ แต่ก็คงจะไม่รุนแรงอะไร
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ที่ 3,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้(H1/54)สามารถทำกำไรไปได้แล้ว 1,544 ล้านบาท