PICNI เสนอชื่อพันธมิตรใหม่ 2 รายสนใจซื้อหุ้นเพิ่มทุนให้เจ้าหนี้พิจารณา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 22, 2011 11:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสงวน ตรีเจริญวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น(PICNI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้ทางผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการได้เสนอรายชื่อพันธมิตรร่วมทุนใหม่ 2 รายที่แสดงความสนใจเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทให้คณะกรรมการเจ้าหนี้พิจารณาแล้ว ซึ่งเป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ที่เคยแสดงความสนใจเข้าลงทุนกับบริษัทก่อนหน้านี้ แต่ติดเงื่อนไขบางประการ

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้มีการปิดโอกาสกลุ่มนายพิมล ศรีวิกรม์ และนายวิชัย ทองแตง ที่จะเข้ามาร่วมลงทุน แม้ก่อนหน้านี้การดำเนินการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะไม่สามารถดำเนินการได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ก็ตาม ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่มนายพิมลและนายวิชัยก็ยังมีการเจรจากับคณะกรรมการเจ้าหนี้

"ผมคงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่านักลงทุน 2 รายเป็นใครแต่ไม่ได้เป็นบริษัทในตลาดฯ ไม่ใช่กลุ่มเดิมๆ ที่เคยเป็นข่าว แต่ 2 รายนี้มีความสนใจจะมาลงทุน เคยเข้ามาหารือกันก่อนหน้านี้แล้ว แต่ติดเงื่อนไขบางอย่างทำให้ให้เข้ามาลงทุนไม่ได้ ตอนนี้เงื่อนไขนั้นหมดไปแล้ว...ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาในแผนฟื้นฟูกิจการว่าจะเลือกผู้ร่วมทุนใหม่ให้เสร็จเมื่อไร ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของคณะกรรมการเจ้าหนี้"นายสงวน กล่าว

สำหรับการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางในวันนี้ (22 ก.ย.) หลังบริษัทยื่นคำร้องของไกล่เกลี่ยคดีกับบริษัท แอสเซ็ทมิลเลี่ยน จำกัด ในการขอคืนหุ้น บริษัท เวิลด์แก๊ส(ประเทศไทย) จำกัด ขณะที่ทางคณะกรรมการเจ้าหนี้ยื่นคัดค้านคำร้องดังกล่าว ดังนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาล หากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้มีการไกล่เกลี่ยคดีตามคำร้องของบริษัทแล้ว ขั้นตอนต่อไปคู่พิพาทจะต้องยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยประนีประนอมคดีที่ศาลฎีกา จึงจะถือเป็นอันสิ้นสุด แต่หากศาลล้มละลายกลางไม่อนุมัติคำร้อง คดีที่เป็นข้อพิพาทก็ต้องมีการดำเนินคดีกันตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

"ศาลล้มละลายกลาง เป็นเพียงผู้อนุญาตให้ดำเนินการตามคำร้องหรือไม่ ก็เหมือนกับบริษัททั่วไปที่ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่ปิคนิคถูกควบคุมโดยศาลล้มละลายกลาง จึงต้องมาขออนุญาตก่อน หากศาลไม่อนุญาต คำร้องก็เลิกไป ก็กลับไปสภาพเดิม คดีฟ้องร้องก็ไปอยู่ที่ศาลฎีกา"นายสงวน กล่าว

กรรมการผู้จัดการ PICNI กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทว่า บริษัทมีปัญหากระแสเงินสดตึงตัวเล็กน้อยหลังจากกรมธุรกิจพลังงานกำหนดให้ผู้ค้าต้องเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซจาก 0.5% ของยอดขายทั้งปี เป็น 1% ทำให้ต้องมีเงินสดมาซื้อก๊าซสำรองเพิมขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาของบริษัทในระยะสั้นได้เร่งรัดติดตามลูกหนี้การค้าที่เป็นหนี้เสียมานาน ซึ่งสามารถเรียกคืนหนี้ค้างชำระมาได้ส่วนหนึ่ง ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเป็นบวกได้บ้าง หวังว่าการเพิ่มทุนใหม่จะแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ