ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกเศรษฐกิจโลกถดถอย ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 391.01 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 23, 2011 06:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับภาวะถดถอย หลังจากมีรายงานว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนีและฝรั่งเศส ร่วงลงอย่างมากในเดือนก.ย. รวมทั้งจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากคำเตือนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับช่วงขาลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 391.01 จุด หรือ 3.51% ปิดที่ 10,733.83 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 37.20 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ 1,129.56 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 82.52 จุด หรือ 3.25% ปิดที่ 2,455.67 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจกำลังส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ระยะถดถอย โดยเมื่อวานนี้เอชเอสบีซีเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย. หดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 49.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

ขณะที่มากิตส์ อิโคโนมิกรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 50.8 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552 จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 51.3 จุด ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของฝรั่งเศสร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ย.เช่นกัน ซึ่งการชะลอตัวในภาคบริการของ 2 ชาติมหาอำนาจแห่งยูโรโซนสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้กำลังส่งสัญญาณการชะลอตัว

นอกจากนี้ สหรัฐรายงานว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ย.ลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 423,000 ราย แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 420,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 432,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอ่อนแอ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสความวิตกกังวลในตลาดหุ้นนิวยอร์ พุ่งขึ้นเกือบ 11% แตะระดับ 41.35 จุด หลังจากนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในที่ประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกว่า "เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ระยะที่เป็นอันตรายแล้ว และประเทศทั่วโลกจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมหนี้สินในประเทศของตนเอง"

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันอย่างหนักอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐ "มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับภาวะขาลง" นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่ามาตรการ Operation Twist หรือการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 6-30 ปีวงเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์และขายพันธบัตรอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่าออกมาในเวลาเดียวกันและในวงเงินที่เท่ากันนั้น อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐได้

จอช เฟนแมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากดีบี แอดไวเซอร์สกล่าวว่า "มาตรการ Operation Twist อาจจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวปรับตัวลงและสามารถกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ไหลเวียนได้ในระดับหนึ่งก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ยาวิเศษที่จะเยียวยาปัญหาเศรษฐกิจได้ทั้งหมด"

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 2.7% ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลงกว่า 5% หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของแบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์โค และซิตี้กรุ๊ป อิงค์ เนื่องจากความกังวลที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจไม่ให้ความช่วยเหลือธนาคารรายใหญ่หากเกิดวิกฤตการณ์การเงิน

หุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลก ร่วงลง 6.7% หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ร่วงลง 6.9% หุ้นเฟ็ดเอ็กซ์ ร่วงลง 8.2% หลังจากมีรายงานว่าความต้องการบริการขนส่งบรรจุภัณฑ์ระหว่างประเทศชะลอตัวลงอันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ