หุ้น SSI ราคาร่วงแรง 7.41% มาอยู่ที่ 0.75 บาท ลดลง 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 28.60 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.33 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.79 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.79 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.73 บาท
บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์แนะ"ถือ"หุ้น บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI)เนื่องจากการบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากโรงเหล็ก Teesside เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายพนักงาน และดอกเบี้ยเงินกู้ คาดว่าจะทำให้ปี 2554 SSI มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,826 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า SSI จะมีผลการดำเนินงานปกติที่ฟื้นตัวเป็นบวกได้อีกครั้งในปี 2555 หลังโรงถลุงเหล็กเริ่มเปิดดำเนินงาน โดยกำหนด Fair Value อิง PER ปี 2555 ที่ 10 เท่า และปรับลดให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน จะให้ราคาเหมาะสมที่ 1.13 บาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น SSI มีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพด้อยสิทธิ ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ SSI โดยจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราจัดสรร 11,000 หุ้นเดิม : 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ สำหรับเศษของหุ้นกู้แปลงสภาพให้ปัดขึ้นเป็น 1 หน่วย ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิมจะต้องชำระเงิน 1,000 บาท ต่อ 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ ทั้งนี้วันสุดท้ายที่ผู้ที่ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จะมีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นกู้แปลงสภาพด้อยสิทธิ คือ วันที่ 26 ก.ย 2554
วัตถุประสงค์ในการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพด้อยสิทธิครั้งนี้ เพื่อระดมทุนราว 1,650 ล้านบาท สำหรับใช้ในการปรับปรุงทรัพย์สินของ SSI UK ซึ่งเป็นการนำกิจกรรม Blast Furnace Reline มาเริ่มดำเนินการในช่วงก่อนเปิดดำเนินการผลิตในช่วงปลายปี 2554 ซึ่งจะทำให้ SSI UK สามารถลดต้นทุนการผลิต และดำเนินการผลิตได้อย่างมีเสถียรภาพต่อเนื่องได้อีก 15-20 ปี โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการผลิตเพื่อ Reline Blast Furnace อีกในปี 2560
ผลตอบแทนจากหุ้นกู้แปลงสภาพที่อัตรา 3% ต่อปี ถือว่าเป็นระดับที่ไม่น่าจูงใจมากนัก หากเทียบกับการลงทุนในหุ้นเหล็กขนาดกลางที่มีผลการดำเนินงานดี ได้แก่ TMT,MCS,CSP และ SMIT ซึ่งล้วนให้ Dividend Yield มากกว่า 5% อีกทั้งยังมี Upside ของราคาหุ้นมากกว่า 20% ขณะที่ราคาแปลงสภาพต่ำสุดที่จะเป็นไปได้ของหุ้นกู้แปลงสภาพจะอยู่ที่ราคาพาร์คือ 1 บาท/หุ้น สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันถึง 23.46% ยิ่งลดความน่าสนใจของหุ้นกู้แปลงสภาพลง
โดยฝ่ายวิจัยเห็นว่า การเลือกลงทุนในหุ้น SSI โดยตรง มีความน่าสนใจมากกว่า จากปัจจัยบวกระยะสั้น ที่คาดว่า SSI จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากค่าความนิยมติดลบในการซื้อโรงงานเหล็ก Teesside จำนวน 100 -160 ล้านเหรียญฯ ในงวด 3Q54 อีกทั้งผลประกอบการของ SSI ที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า หลังเริ่มรับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุนในโรงเหล็ก Teesside น่าจะทำให้ SSI มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลในระดับมากกว่า 3% ต่อปี