ตลาดหุ้นไทยร่วงผิดปกติ-ตื่นปัจจัยนอกปท./โบรกฯเชียร์เก็บ Domestic plays

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 23, 2011 15:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องกันว่าตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 วันมานี้ร่วงแรงผิดปกติเกือบ 10% เหตุจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะประเด็นปัญหาเศรษฐกิจในยูโรปและเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นออกมาทั่วโลก ส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลงแรง ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทก็อ่อนค่าลง และนักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เชื่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจเอเชียยังดีอยู่ จึงคาดว่าที่สุดแล้ว Global Fund จะต้องหันกลับมาลงทุนในเอเชีย เพราะทางสหรัฐฯและยุโรปมีความเสี่ยง พร้อมแนะเก็บหุ้นพื้นฐาน อย่างกลุ่มพลังงาน, กลุ่มแบงก์ และพวก Domestic plays เป็นต้น

*SCBS เผยตลาดหุ้นไทยร่วงแรงผิดปกติ/แนะ"ซื้อ"พลังงาน-แบงก์

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์(SCBS) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปมากผิดปกติ โดยมองว่าตลาดฯได้ปรับตัวลงไปแรงเกินจริง โดยราคาหุ้นในตอนนี้เหมาะซื้อเพื่อลงทุนเท่านั้น เพราะแรงเหวี่ยงของวิกฤตเศรษฐกิจยังไม่จบ แต่ระดับราคาหุ้นไหลลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ แม้จะคิดเรื่องความเสี่ยงไปแล้ว

"ตลาดฯตอนนี้ปรับตัวลงแรงเกินจริง ราคาในตอนนี้มองว่าเป็นราคาที่ดีถ้าจะซื้อเพื่อลงทุน แต่ไม่ใช่เก็งกำไรนะ เพราะแรงเหวี่ยงของวิกฤตเศรษฐกิจยังไม่จบ แต่ราคาหุ้นน่าสนใจ แต่ถึงแม้จะใส่ความเสี่ยงเข้าไปแล้ว มันก็ยังน่าสนใจ แน่นอนคนที่มีหุ้นอยู่อาจจะขาดทุนอยู่ แบบติดหุ้นอยู่ แต่มันก็เป็นราคาที่เรียกได้ว่า downside ลงไปกว่านี้คงจะไม่เยอะ คือไม่น่าขาย น่าจะรอให้ฟื้นตัวดีกว่า สำหรับคนไม่มีหุ้นก็น่าซื้อ เพราะที่ระดับ 950 จุด เป็นระดับที่ไม่ได้เห็นบ่อยนะ ผมมอง downside ต่ำกว่าระดับ 1 พันจุด ประมาณ 5% ก็ประมาณ 950 จุด ซึ่งตอนนี้เป็นเรื่องของความกังวล และแรงเหวี่ยงมากกว่า"นายสุกิจ กล่าว

หุ้นที่น่าสนใจเข้าซื้อลงทุนก็หุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะหุ้น PTTCH ที่ตอนนี้ราคาลงมาอยู่แถว 100 บาท จากที่เคยอยู่แถว 150 บาท ถือว่าปรับดลงมา 50 บาทภายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งเป็นเรื่องที้ผิดปกติมาก

*FSS เผยหุ้นไทย 2 วันร่วงเกือบ 10% แนะเก็บหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส(FSS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลงไปเกือบ 10% แล้วในช่วง 2 วันนี้ เป็นผลจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปได้อีก แต่เชื่อว่า downside risk ลดลงเหลือน้อยแล้ว โดยเฉพาะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติก็มองว่าเหลือน้อยแล้วในตลาดบ้านเรา

"เชื่อว่าที่สุดแล้ว Global Fund คงจะต้องหันมามองเอเชีย เพราะตอนนี้ทางยุโรปและสหรัฐฯมีความเสี่ยง เม็ดเงินก็คงจะไปลงที่เอเชีย เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งก็น่าจะส่งผลบวกต่อ Emerging Market

สำหรับเศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรจากปัญหาที่เกิดขึ้น ที่สุดแล้วเชื่อว่า Flow ต้องกลับมา ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะเข้ามาเก็บหุ้นพื้นฐาน โดยกลุ่มที่น่าสนใจจะเป็นพวก Consumer plays, Domestic plays, กลุ่มแบงก์ รวมถึงกลุ่มที่รับผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างพวกรับเหมาก่อสร้าง, ปูนซิเมนต์ และเหล็ก เป็นต้น ส่วนพวกที่ชอบเล่นเก็งกำไรระยะสั้น ตอนนี้เล่นไม่ได้เลย"นายวรุตม์ กล่าว

*CIMB เชียร์ทยอยเก็บหุ้น Domestic plays หลังตลาดฯร่วงแรง

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)หรือ CIMB กล่าวว่า ตอนนี้คนจะตกใจเป็นส่วนใหญ่ และนักลงทุนต่างชาติก็ขายออกมาบางส่วนด้วย เนื่องจากมีความกลัวอีกเรื่องคือ ค่าเงิน เพราะค่าเงินได้ไหลลงเร็ว จากที่ก่อนหน้านี้เงินบาทจะแข็งกว่าภูมิภาค ตอนนี้อ่อนตัวลงเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ตลาดฯมีโอกาสรีบาวน์ได้หลังจากที่ร่วงลงไปแรง ซึ่งคนที่มีเงินสดก็สามารถทยอยเก็บหุ้นได้ โดยแนะหุ้นจำพวก Defensive จะดีกว่า โดยเฉพาะพวก Domestic plays

ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานช่วงสั้นอาจรีบาวน์ขึ้นมาได้หลังจากที่ปรับตัวลงไปมาก แต่หากมองระยะยาวจะเห็นได้ว่ากลุ่มพลังงานจะอิงกับเศรษฐกิจ

*ASP มองตลาดฯแกว่ง 900-950 จุด-รอซื้อ Domestic plays

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส(ASP) กล่าวว่า ตอนนี้นักลงทุนกลุ่มที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาวก็ยังมีอยู่ โดยกลุ่มที่แนะนำเป็นพวก Domestic plays หุ้นพวกที่มีการจ่ายปันผลดี รวมถึงมีผลกำไรที่เติบโตเพื่อมาสนับสนุนการลงทุน ซึ่งนักลงทุนยังไม่ต้องรีบร้อนซื้อก็ได้ ให้รอซื้อ เนื่องจากปัจจัยภายนอกประเทศยังเป็น Negative อยู่มาก อีกทั้งมองว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งอยู่ในกรอบ 900-950 จุด

แต่หากจะคาดหวังเล่นหุ้นที่ปรับตัวลงแรงแล้วหวังว่าจะได้เห็นการรีบาวน์คงจะเป็นไปได้ลำบาก เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศในเรื่องเศรษฐกิจ

*KEST ให้รอเก็งแถว 920 จุด คิด P/E 11 เท่า

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)หรือ KEST กล่าวว่า ตอนนี้ก็แนะนำให้นักลงทุนขายถือเงินสดเพียงอย่างเดียวมาตั้งแต่ดัชนีฯที่ระดับ 1,040 จุดแล้ว ซึ่งลูกค้าของบริษัทฯตอนนี้ก็ได้ถือเงินสดแล้ว 80% ส่วนจะเข้าลงทุนได้ควรจะรอให้ดัชนีฯมาแถว 920 จุด ก่อน เพราะที่ระดับนี้ค่า P/E คิดเป็น 11 เท่า จึงน่าสนใจที่จะเข้าไปซื้อเก็งกำไรได้บ้าง แต่ถ้าดีกว่านั้นควรรอแถว 870-880 จุด ถึงจะเข้าลงทุนระยะยาวได้ หรือรอให้มีความชัดเจนในประเด็นการแก้ไขปัญหาในยุโรปก่อน

เนื่องจากเวลานี้เงินไหลออก นักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ เงินบาทก็อ่อนค่าลง หากจะเข้าไปลงทุนเพื่อถัวเฉลี่ยก็ยังไม่แนะนำ ถ้าจะลงทุนเพื่อถัวเฉลี่ยควรรอให้ราคาต่ำกว่านี้ และรอให้แรงขายชะลอก่อน รวมถึงรอให้เงินบาทนิ่งก่อนค่อยเข้าไปพิจารณาดูอีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ