นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ นโยบายและเศรษฐกิจพลังงาน บมจ.ปตท (PTT) เปิดเผยว่า ในแผนลงทุนใน 10 ปีข้างหน้าของ ปตท.ตั้งเป้าในปี 63 จะมีรายได้เติบโตจากปัจจุบัน 3 เท่า ขณะที่งบลงทุนจะเพิ่มเป็น 3 เท่าจากปัจจุบันเช่นเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้
บริษัทมองว่าการลงทุนในรูปควบกิจการและเข้าซื้อกิจการด้านพลังงานทั้งขุดเจาะสำรวจ, ปิโตรเคมี และ การพัฒนาเทคโนโลยีทางพลังงาน แม้ว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ ปตท. ลงทุนมากขึ้นในกิจการต่างๆ ที่อาจจะประสบปัญหาทางการเงินและได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก
"มองว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นโอกาสของปตท. ในการลงทุน ซื้อกิจการ ทั้งแบบ M&A และ Takeover โดยปตท.สนใจในธุรกิจพลังงานทุกรูปแบบ แต่เน้นปิโตรฯและขุดเจาะสำรวจ"นายโชติชัยกล่าว
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงขณะนี้จำเป็นต้องนำปัจจัยเกี่ยวกับาภาวะเศรษฐกิจโลกมาประเมินด้วย แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปรับเพิ่มงบลงทุนเพื่อใช้ในการซื้อกิจการต่างๆ
อนึ่ง แผนการลงทุน 5 ปี (ปี 54-58) ของปตท. มีวงเงินรวม 327,038 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไปมากในช่วง 1- 2 วันนี้ เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดการขาดทุน และส่วนของนักลงทุนต่างชาติขายออกไปเพื่อสำรองเงินสด เตรียมความพร้อมสำหรับทางการเงินที่จะเกิดขึ้น แต่มองว่าตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชียยังมีสถานะที่ดี รวมถึงฐานะการเงินของประเทศในเอเชียรวมถึงไทย ก็ยังมีฐานะแข็งแกร่ง จึงคาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบช่วงสั้นๆ
ส่วนราคาน้ำม้น นายโชติชัย กล่าวา ราคาน้ำมันจะปรับลงไม่รุนแรงเหมือนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เมื่อปี 51 ที่ราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างรุนแรง จากระดับสูงสุด 140 เหรียญ/บาร์เรล เหลือประมาณกว่า 30 เหรียญ/บาร์เรล แต่ปีนี้ ราคาน้ำมันไม่น่าจะปรับลงแรง เพราะระดับราคาน้ำมันทรงตัวอยู่บริเวณที่ 100 เหรียญ/บาร์เรล