นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลประกอบการปี 55 ทั้งรายได้และกำไรเติบโต 10-15% ซึ่งเป็นการเติบโตไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยในปีหน้าจะมีหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉายอีกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับบริษัทมีแผนเปิดโรงภาพยนตร์ระบบ 3 มิติ เพิ่มขึ้นซึ่งจะสามารถขายตั๋วได้ในราคาที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 55 ไว้ 700-800 ล้านบาท โดยใช้ในการเปิดโรงภาพยนตร์จำนวน 16 โรงที่โครงการ "เมกะ บางนา" บนพื้นที่เช่ารวม 2 หมื่นตารางเมตร นอกจากนี้ยังประกอบด้วยลานโบว์ลิ่ง 30 เลน, คาราโอเกะ 40 ห้อง และไอซ์สเกต ส่วนที่ห้างซีคอนสแควส์ บางแค จะเปิดโรงภาพยนตร์ 10 โรง, ไอซ์สเกต และโบว์ลิ่ง บนพื้นที่รวม 1.5 หมื่นตารางเมตร ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าปี 55 จะมีโรงภาพยนตร์เพิ่มเป็น 430-450 โรง จากปัจจุบันที่ 367 โรง
"เชื่อว่าปีหน้าน่าจะเป้นปีที่ดีอีกหนึ่งปีของเรา เพราะมีหนังใหญ่เข้าฉายเพิ่มขึ้น และเราก็จะมีการขยายโรงหนัง 3 มิติเพิ่มขึ้น ก็อยากให้ดูว่าประเทศไทยมี 77 จังหวัด แต่มีโรงหนังแค่ 22 จังหวัด ก็ยังเป็นโอกาสอีกเยอะ"นายวิชา กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 54 คาดว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าที่ 20-25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 6,492.22 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่า 10-15% จาก 761.99 ล้านบาทในปี 53
ส่วนแผนการลงทุนในประเทศอินเดีย บริษัทตั้งเป้าภายในอีก 3 ปี จะมีโรงภาพยนตร์เพิ่มเป็น 300 โรง จากปัจจุบันที่ 150 โรง ส่วนเลนโบว์ลิ่งคาดเพิ่มเป็น 250 เลน จาก 50 เลนในปัจจุบัน
"คิดว่าการลงทุนในอินเดียในอีก 3 ปีข้างหน้า ผลประกอบการโดยรวมจะเติบโต 100% ซึ่งปัจจุบันเรายังไม่ได้นำรายได้จากอินเดียมา book to market"นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในอนาคตจะมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นเป็น 35% จากปัจจุบันที่ 25-26% โดยมองว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนักลงทุนต่างชาติหลายราย ได้เข้ามาขอรับฟังข้อมูลของบริษัทโดยตรง ส่วนการเดินทางไปโรดโชว์ที่นิวยอร์คเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าตลาดในเอเชียยังมีการเติบโตได้อีกมาก