ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ก.ย.) ขานรับรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G-20 ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะร่วมมือกันแก้ปัญหาต่างๆที่เป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยงและวิกฤตหนี้สาธารณะลุกลามในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.6% ปิดที่ 216.19 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5196.56 จุด บวก 32.35 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2810.11 จุด บวก 28.43 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5066.81 จุด บวก 25.20 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากแถลงการณ์ของที่ประชุมรมว.คลังกลุ่ม G-20 ซึ่งจัดขึ้นนอกรอบการประชุมประจำปีของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กรุงวอชิงตันระบุว่า กลุ่ม G-20 ร่วมมือกันแก้ปัญหาต่างๆที่เป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยงและวิกฤตหนี้สาธารณะลุกลามในยุโรป
นอกจากนี้ กลุ่ม G-20 ยังมีแผนที่จะฟื้นฟูความมั่นคงด้านอาหารทั่วโลก ผ่านการวิจัย, นวัตกรรม และผลักดันให้มีการใช้เครือข่ายด้านการเกษตรในกลุ่ม G-20 อย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังประกาศโครงการนำร่องจัดทำสต็อกอาหารฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งประเทศในทวีปแอฟริกาตะวันตกจะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว
ตลาดหุ้นแรงหนุนเพิ่มขึ้นเมื่อนายลุค โคเน สมาชิกสภาบริหารของธนาคากลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่า ภายในเดือนหน้านี้อีซีบีอาจจะใช้มาตรการควบคุมความเสี่ยงต่างๆที่มีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในยูโรโซน หากประเทศต่างๆในยูโรโซนมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง
ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ สองธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศศ พุ่งขึ้น 8.8% และ 9.8% ตามลำดับ ส่วนหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป พุ่งขึ้น
หุ้นเบเยอร์ ผู้ผลิตยารายใหญ่สุดของเยอรมนี ทะยานขึ้น 7.1% หลังจากคณะกรรมการอาหารและยาของยุโรปอนุญาตให้บริษัทจำหน่ายยา Xarelto สำหรับผู้ป่วยที่หัวใจเต้นผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม หุ้น Bayerische Motoren Werke AG ผู้ผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ร่วงลง 1.5% และหุ้นเดมเลอร์ เอจี ร่วงลง 1%