ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์พุ่ง 272.38 จุดรับข่าวยุโรปเล็งเพิ่ม EFSF

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 27, 2011 06:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2.5% เมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และข่าวที่ว่ารัฐบาลเยอรมนีเรียกร้องให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับภาระหนี้ของกรีซมากขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่าผู้นำยุโรปจะสามารถควบคุมการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 272.38 จุด หรือ 2.53% ปิดที่ 11,043.86 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 26.52 จุด หรือ 2.33% ปิดที่ 1,162.95 จุด ดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 33.46 จุด หรือ 1.35% ปิดที่ 2,516.69 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่หนาแน่นถึง 4.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและสิทธิอำนาจกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร หลังจากสหรัฐ จีน และประเทศอื่นๆ เรียกร้องให้ยุโรปใช้มาตรการเชิงรุกในการแก้ปัญหาหนี้

นายโอลลี เรห์น เจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนอนุมัติการมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF จุดสนใจก็จะมุ่งไปยังวิธีการเพิ่มศักยภาพในการปล่อยกู้ของกองทุน EFSF ทันที ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า รัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนจะอนุมัติการมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF ภายในช่วงกลางเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนีด้วย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อนางแองเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ออกมาเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันต่างๆในภาคเอกชนที่ถือพันธบัตรของกรีซ ให้ร่วมแบกรับภาระหนี้สินของกรีซมากขึ้น

นักวิเคราะห์จากแคปิตอล แอดไวเซอร์ส อิงค์ กล่าวว่า รายงานข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเรื่องกองทุน EFSF สะท้อนให้เห็นว่า บรรดานักการเมืองและผู้ว่าการธนาคารกลางในยุโรปกำลังร่วมมือกันเพื่อควบคุมการลุกลามของวิกฤตหนี้

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้นกว่า 4.2% ขณะที่หุ้นซัน ทรัสต์ แบงก์ พุ่งขึ้น 8%

ส่วนหุ้นเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของมหาเศรษฐีวอร์เรน บัฟเฟตต์ พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้น

ขณะที่หุ้นโบอิ้ง โค พุ่งขึ้น 3% จากข่าวที่ว่าโบอิ้งส่งมอบเครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์งวดแรกให้กับสายการบินออล นิปปอน แอร์เวยส์ของญี่ปุ่น โดยนักวิเคราะห์คาดว่าหากโบอิ้งยังสามารถส่งมอบเครื่องบินรุ่นดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นแม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ร่วงลง 2.3% มาอยู่ที่ระดับ 295,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 302,000 ยูนิตต่อปี

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.ค. และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.ย.

วันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนส.ค.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ