ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: คลายวิตกปัญหาหนี้ หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

ตลาดหุ้นยุโรปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการหลังจากรัฐบาลและธนาคารกลางของประเทศต่างๆได้พร้อมใจกันเรียกร้องให้ผู้นำยุโรปใช้มาตรการควบคุมความเสี่ยงของวิกฤตหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.9% ปิดที่ 220.28 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 149.00 จุด หรือ 2.87% ปิดที่ 5,345.56 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น 49.23 จุด หรือ 1.75% ปิดที่ 2,859.34 จุด ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 22.56 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 5,089.37 จุด

สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและสิทธิอำนาจกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร ทั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนจะอนุมัติการมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF ภายในช่วงกลางเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนีด้วย

หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่ง จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจากข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่ยุโรปเรียกร้องให้มีการนำมาตรการในลักษณะคล้ายกับโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) ของสหรัฐมาใช้ในยุโรป โดยหุ้นดอยช์แบงก์ พุ่งขึ้น 8.7% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ดีดตัวขึ้น 7.8% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 4% และหุ้นอินเทนซา ซานเปาโล พุ่งขึ้น 8.3%

หุ้นเบเยอร์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 4.3% ขานรับผลการศึกษาที่ระบุว่า ยาต้านมะเร็งที่ผลิดโดยเบเยอร์สามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ถึง 30%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะในตลาดโลก หลังจากซีเอ็มอี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดทองคำล่วงหน้า COMEX ประกาศขึ้นค่ามาร์จิ้น หรือเงินหลักประกันในการซื้อสัญญาโลหะเงินและทองคำ โดยหุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 6.9% หุ้นคาซัคมิส ดิ่งลง 3.9% และหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ปรับตัวลง 3.9%