นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป (BTS) คาดว่า รายได้จากการเดินรถไฟฟ้าในงวดปี 54 (เม.ย.54-มี.ค.55) จะเติบโตมากกว่า 20% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.5 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ในครึ่งปีแรกเติบโต 28% จากปีที่แล้วจากการที่บริษัทได้เปิดส่วนต่อขยายช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง เมื่อ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา และปีที่แล้วจำนวนผู้โดยสารลดลงจากปัญหาทางการเมืองในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53
ทำให้บริษัทคาดว่า จำนวนผู้โดยสารจะเติบโตมากกว่า 20% เช่นกันจากเดิมโต 18-19% โดยเมื่อต้นเดือนก.ย. ปรากฎจำนวนผู้โดยสารขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 6.5 แสนคน/วัน ซึ่งเป็นวันศุกร์แรกของเดือน
นายอาณัติ อาภาภิรม กรรมการ BTS กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ จำนวนผู้โดยสารในวันธรรมดา(จันทร์ถึงศุกร์) มี 5.8 แสนคน/วัน โดยเฉพาะวันศุกร์มีเกิน 6 แสนคน/วัน วันเสาร์มี 4.8 แสนคน/วัน และ วันอาทิตย์กับวันหยุดมีผู้โดยสาร 3.8 แสนคน/วัน ทั้งนี้ รถไฟฟ้าบีทีเอสมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มจากส่วนต่อขยาย อ่อนนุช-แบริ่งอีก 5-6 หมื่นคน/วัน ซึ่งบริษัทจะรับมอบรถไฟฟ้า 35 ตู้ที่ได้สั่งซื้อไว้ในกลางปี 55 จะทำให้ปริมาณรองรับได้เพิ่มขึ้น 25-30%
นายคีรี คาดว่าในเดือนต.ค.นี้บริษัทจะเซ็นสัญญารับจ้างเดินรถไฟฟ้าช่วงวงเวียนใหญ่-บางหว้า (4 สถานี)กับกรุงเทพมหานคร และคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือน ธ.ค. 55 ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเข้าระบบเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาท เพื่อซื้อรถไฟฟ้า 5 ขบวนแบบ 4 ตู้ รองรับการเดินรถเส้นทางดังกล่าว โดยจะอยู่ระหว่างตกลงราคาและคาดว่าจะสั่งซื้อได้หลังจากเซ็นสัญญาเดินรถแล้ว
รวมทั้งบริษัทยังให้ความสนใจเข้าร่วมเดินรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ที่ภาครัฐจะลงทุนในระยะต่อไป ซึ่งจะช่วยทำให้โครงข่ายระบบรถไฟฟ้ามีระยะทางที่ยาวมากขึ้น
นอกจากนี้ นายคีรี คาดว่าในปลายปีนี้ บริษัทจะสามารถเปิดให้บริการตั๋วร่วม ที่ใช้สำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟฟ้าใต้ดินหรือ MRT ได้ในใบเดียวกัน ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไปแล้วกว่า 800 ล้านบาท โดยมีบริษัท บางกอก สมาร์การ์ดซิสเทม จำกัด (BSS) เป็นผู้ดำเนินการ โดย BTS ถือ 90% และ ธ.กรุงเทพ ถือ 10% ซึ่งระยะต่อไป บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL)จะเข้าร่วมลงทุนด้วย
นายคีรี มั่นใจว่าบริษัทจะได้รับเงินเชดเชยจากภาครัฐ จำนวน 648.02 ล้านบาท หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินให้กรมธนารักษ์ และกระทรวงการคลังชำระให้กับ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ภายใน 60 วัน นับต้งแต่วันที่มีคำสั่งในวันที่ 15 ก.ย. 54 ทั้งนี้คาดว่าในเดือน พ.ย. บริษัทจะรับรู้เป็นรายได้เงินชดเชยดังกล่าว ส่วนที่กรมธนารักษ์ออกมาปฏิเสธการจ่าย บริษัทไม่ทราบ และเห็นว่า หน่วยงานรัฐต้องทำตามคำสั่งศาลอยู่แล้วตากำหนดระยะเวลา
"คดีนี้ยืดเยื้อมานาน 10 ปีแล้ว เงินที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้จ่ายชดเชย เป็นเงินที่เราลงทุนไปก่อน ...เราไม่รู้ ว่าทางนั้นจะไม่จ่ายก็เป็นเรื่องของเขาที่ต้องจัดการ เราไม่รู้" นายคีรี กล่าว