นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในการเดินทางเยือนประเทศอินโดนีเซียของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการหารือถึงการเรียกร้องค่าเสียหายของทางการอินโดนีเซียต่อกรณีแหล่งมอนทาราของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) เกิดการรั่วไหลจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในน่านน้ำอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ การเจรจาเป็นไปด้วยดี ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยทำกิจกรรม CSR การช่วยเหลือชาวประมงและชาวบ้านในพื้นที่ที่ระบุว่าได้รัลผลกระทบ แม้ว่าขณะนี้ข้อกล่าวหาดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมั่นใจว่าจะหาทางออกเพื่อให้ได้ข้อยุติก่อนที่จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท นอกจากนั้น ในโอกาสการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ตนเองยังได้มีการเจรจากับรัฐมนตรีและตัวแทนจากประเทศอินโดนีเซียในกรณีกรณีแหล่งมอนทารา ซึ่งรัฐบาลไทยเห็นว่าน่าจะมีการเจรจาในลักษณะประนีประนอมกัน โดย PTTEP ควรจะแสดงความรับผิดชอบเหตุการณ์รั่วไหลของคอนเดทเสทจากแหล่งมอนทาราไปก่อน และทำกิจกรรม CSR ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์รั่วไหลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซียหรือไม่ก็ต้องดำเนินการต่อไป
"เราต้องยอมรับก่อนว่ามอนทารามีคอนเดนเสทรั่วไหล การยอมรับต้นเหตุจะทำให้การเจรจาเป็นไปในรูปแบบฉันท์มิตร และจะทำให้สามารถหาข้อสรุปได้โดยไม่ต้องฟ้องศาล และไม่ต้องยืนอยู่บนความเสี่ยงที่จะถูกยึดใบอนุญาต รวมถึงการพัฒนาแหล่งอื่นๆ เพราะปตท.และประเทศไทยก็มีการทำธุรกิจพลังงานกับอินโดนีเซียจำนวนมาก"รมว.พลังงาน กล่าว
นอกจากนี้ ทางการไทยและอินโดนีเซียยังได้พูดคุยถึงความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งนาทูน่าของอินโดนีเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้หยุดชะงักไปกว่า 10 ปี แต่เชื่อว่าการที่เป็นประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันและรัฐบาลมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จะช่วยให้การเจรจาข้อตกลงมีความคืบหน้ามากขึ้น แม้ว่าการพัฒนาแหล่งนาทูน่าจะมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง แต่จากราคาน้ำมันในระดับปัจจุบันเชื่อว่าการพัฒนาแหล่งดังกล่าวจะคุ้มค่ากับการลงทุน