ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 143.08 จุดรับข่าวขยายกองทุน EFSF

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 30, 2011 06:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขานรับรัฐสภาเยอรมนีที่ลงมติอนุติการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งจะเปิดทางให้กองทุน EFSF มีอำนาจในการให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหาทางการเงินได้มากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนคนว่างงานที่ปรับลดลงมากเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 143.08 จุด หรือ 1.30% ปิดที่ 11,153.98 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.34 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 1,160.40 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 10.82 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 2,480.76 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากข่าวรัฐสภาเยอรมนีมีมติด้วยคะแนนเสียง 523 ต่อ 85 ให้ขยายเงินทุนและประสิทธิภาพของกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงินอยู่ 4.40 แสนล้านยูโร (5.99 แสนล้านดอลลาร์) โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการลุกลามของวิกฤตหนี้สาธารณะ รวมทั้งจะช่วยให้กองทุน EFSF มีศักยภาพมากขึ้นในการเพิ่มทุนให้กับภาคธนาคารและปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนขานรับข่าวดังกล่าวเพราะการตัดสินใจของรัฐสภาเยอรมนีเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม มติของรัฐสภาเยอรมนีอาจจะสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนางแองเกลา แมร์เคล เนื่องจากเยอรมนีจะต้องเพิ่มเงินประกันในกองทุน EFSF ขึ้นจากระดับ 1.23 แสนล้านยูโร เป็น 2.11 แสนล้านยูโร ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงที่สุดในบรรดาประเทศยูโรโซน และอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนผู้เสียภาษีและพรรคร่วมรัฐบาล

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ขึ้นเป็น 1.3% จากการประมาณการครั้งก่อนที่ 1% ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลง 37,000 ราย สู่ระดับ 391,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 3.08% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 3.02% หุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 3.78% และหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ดีดตัวขึ้น 2.21%

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากซิตี้กรุ๊ปประกาศลดคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งในปีนี้และปีหน้า โดยระบุว่า "เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว"

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบสวนทางกับดัชนีหลักตัวอื่นๆ และยังกดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวเซส ดิ่งลง 13.7% หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ร่วงลง 11% หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ร่วงลง 6.9% และหุ้นโคช อิงค์ ร่วงลง 6.1%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.2% นอกจากนี้คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐจะอยู่ที่ 57.8 จุดในช่วงท้ายเดือนก.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงต้นเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ