"เอื้อวิทยา"เล็งเคาะราคา IPO ต้น พ.ย.คาดเข้าเทรดตลาด SET ทันปลายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 30, 2011 10:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ก (CEN) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในบมจ.เอื้อวิทยา(UWC)เปิดเผยว่า ที่ปรึกษาทางการเงินของ UWC ได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)แล้ว ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายได้ประมาณเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค.54 หลังจากชะลอมาตังแต่ไตรมาส 2 /54 เพื่อรอจังหวะที่ดี

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะระดมทุนจำนวนมากกว่า 300 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อเครื่องจักรเพิ่มรองรับงานที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะใช้เงิน 50-100 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะนำมาใช้เพิ่มสภาพคล่องให้บริษัท

"คาดว่า เดือน พ.ย.หรือไม่เดือน ธ.ค.จะเข้าเทรด ซึ่งต้นเดือน พ.ย.จะได้ราคา IPO ตอนนี้ Book Value(BV) เราอยู่ที่ 2 บาทกว่า ซึ่งราคา IPO ไม่ควรต่ำกว่า BV อยู่แล้ว"นายวุฒิชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

UWC มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 350 ล้านบาทจาก 250 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 1 บาท/หุ้น โดยจะจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 99.5 ล้านหุ้น รวมส่วนที่จะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ CEN ด้วย โดยหลังขายหุ้น IPO แล้ว CEN จะยังถือหุ้นใหญ่ แต่สัดส่วนลดลงเหลือ 60% จากเดิม 90.98% โดยมี บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS)เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ด้านนายโอฬาร รัตนปราการ กรรมการผู้จัดการ UWC เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการเสาและสายส่งไฟฟ้ายังไปได้ดี ขณะที่งานติดตั้งเสาโทรคมนาคมเริ่มเข้ามามากขึ้นในระยะนี้ หลังจากมีการพัฒนาเทคโนโลยี 3G โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะติดตั้งเสาโทรคมนาคมให้ได้ 1 พันต้น มูลค่างาน 50-60 ล้านบาท และคาดว่าปีหน้าจะทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกมาก

ขณะนี้บริษัทมีงานในมือ (backlog) จำนวน 300-400 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นงานสายส่งไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) โดยบริษัทรับงานกับ 3 หน่วยงานการไฟฟ้าเป็นหลัก และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า งานสายส่งไฟฟ้าจะเข้ามามากขึ้นจากกฟผ. ที่จะรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการหงสาและโครงการอื่น ๆ ในประเทศลาว และรับไฟฟ้าจากโครงการในประเทศพม่า

บริษังยังเตรียมพร้อมขยายธุรกิจในส่วนของโครงสร้างเหล็กหลังคาและเสาที่กำลังไปได้ด้วยดี โดยจะมีการสั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมรองรับงาน คาดต้นปี 55 จะเริ่มรับงานได้มากขึ้น

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้หลักของ UWC ราว 70-80% เป็นงานสายส่งไฟฟ้า , 20% เป็นงานเสาโทรคมฯ และอีก 10% เป็นงานโครงสร้างเสาเหล็ก

นายวุฒิชัย คาดว่า อีก 3 ปีข้างหน้ารายได้ของ UWC จะขยายเพิ่มเป็น 1- 1.2 พันล้านบาท จากปี 54 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 700-800 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ของโครงสร้างเหล็กจะเพิ่มเป็น 20-30% ขณะที่งานสายส่งไฟฟ้ายังเป็นรายได้หลักในสัดส่วน 70-80% และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิดีขึ้น 4-5% มาอยู่ที่กว่า 10%

อนึ่ง ปี 53 เอื้อวิทยามีรายได้ประมาณ 600 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40 ล้านบาท ส่วนในครึ่งแรกของปี 54 มีรายได้ประมาณ 300-400 ล้านบาท กำไรสุทธิกว่า 20 ล้านบาท อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ยังอยู่ในระดับต่ำมากไม่ถึง 0.3 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ