นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการ บมจ. สหพัฒน์พิบูล (SPC) เปิดเผยว่า ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป"มาม่า"ในไตรมาส 3/54 คาดว่าเติบโต 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากบริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เช่น การออกรสชาติใหม่ๆ, การเพิ่มคุณประโยชน์ทางการบริโภคให้สินค้า และการขยายกลุ่มสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างสูงสุด
ส่วนทั้งปี คาดว่าจะมียอดขาย 9.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตเท่ากับอุตสาหกรรมที่ปีนี้คาดมีมูลค่ารวมราว 1.3 หมื่นล้านบาท โดยมาม่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 53% ของตลาดรวม
ปัจจุบัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ได้แบ่งสินค้าเป็น 3 กลุ่ม คือ เส้นเหลือง 20 รสชาติ เส้นขาว 7 รสชาติ โจ๊ก-ข้าวต้ม 5 รสชาติ
ด้านเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศขณะนี้ ทำให้ยอดขายมาม่าในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากระดับปกติอีก 5-10% ทั้งนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากมาม่าในปีนี้จะคิดเป็น 41% ของรายได้รวม
"ยอดขายของมาม่า 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโต 10% เท่ากับอุตสาหกรรม ซึ่งที่จริงแล้วมาม่าก็ถือว่าอยู่ในตลาดที่ค่อนข้างอิ่มตัว สำหรับรายได้รวมปีนี้น่าจะได้ประมาณ 9.5 พันล้านบาท ส่วนกำไรปีนี้ก็อาจจะเหนื่อยนิดหน่อย เพราะตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็มีสถานการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย"นายเวทิต กล่าว
ในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิตมาม่าก็ยังคงทำอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้บริษัทได้มีการซื้อเครื่องจักร(เครื่องทับ)ใหม่อีก 1 เครื่อง จากเดิมที่มีอยู่ 3 เครื่อง และปีหน้าจะซื้อเพิ่มอีก 1 เครื่อง
สำหรับทิศทางการทำตลาดของมาม่าในปัจจุบัน เน้นการสร้างความสดใหม่ให้แบรนด์ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมากขึ้น โดยล่าสุดได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท จัดแคมเปญ"มาม่า My Favorite"เพื่อสร้างการรับรู้ที่หลากหลายของมาม่า ภายใต้แนวคิด"มาม่า รสไหนรสโปรดของคุณ"ผ่านกลยุทธสื่อสารการตลาดทุกช่องทาง โดยจะมีศิลปิน The Star 7 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ถึง 5 คน