ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนและยอดค้าปลีกของเยอรมนีหดตัวลง
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.2% ปิดที่ 226.18 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5502.02 จุด ดิ่งลง 137.56 จุด จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2981.96 จุด ลบ 45.69 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5128.48 จุด ลบ 68.36 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยธนาคารเอชเอสบีซีระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัวลง
ภาคการผลิตของจีนยังคงชะงักงันในเดือนก.ย. เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงอย่างหนักทั้งภายในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ผลสำรวจระบุว่า ภาคการผลิตของจีนชะลอตัวลงหลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง และยังใช้มาตรการควบคุมในด้านอื่นๆ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือนส.ค.ร่วงลง 2.9% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตหนี้ยุโรป ทำให้ผู้บริโภคลังเลที่จะจับจ่ายใช้สอย
หุ้นดอยช์แบงก์ เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของเยอรมนี ร่วงลง 6.8% หลังจากหนังสือพิมพ์ Handelsblatt รายงานว่า ดอยช์แบงก์อาจจะปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ ขณะที่หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) สองธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส ดิ่งลง 3.5% และ 5.1% ตามลำดับ หลังจากยูบีเอส เอจี ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นซอคเจนลงมาอยู่ที่ระดับ "neutral" จากระดับ "buy" และปรับลดคาดการณ์ราคาหุ้นบีเอ็นพีลงสู่ระดับ 31 ยูโร จากระดับ 36 ยูโร
หุ้นเมโทร เอจี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่สุดของเยอรมนี ดิ่งลง 4.3% หลังจากทางการเยอรมนีเปิดเผยยอดค้าปลีกทั่วประเทศหดตัวลงในเดือนส.ค. ขณะที่หุ้นฟิลิปส์ ผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้ารายใหญ่สุดของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 4.1% หลังจากเอชเอสบีซีปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของฟิลิปส์ลงราว 20-30% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าหรูหรารายใหญ่ของยุโรปปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการหดตัวในภาคการผลิตของจีน โดยหุ้นสวอช ผู้ผลิตนาฬิการายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 7% หุ้นเบอร์เบอรี่ ร่วงลง 2.3%