สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 40,218 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 36,329 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 90% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 3,320 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 6 ปี และ 14 ปี (LB133A LB17OA และLB25DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,467 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด
ทางด้านหุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 540 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือหุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY123A) หุ้นกู้ของ บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส(AYCAL12OA) และหุ้นกู้ของ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC165A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 378 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 8,154 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 4,969 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 1,065 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ค่อนข้างคงที่ตลอดทุกช่วงอายุของตราสาร ซึ่งภาพรวมของการซื้อขายตราสารหนี้ในวันนี้แม้จะค่อนข้างเงียบ แต่ยังมีความต้องการ (Demand) จากนักลงทุนกลุ่มกองทุนเข้ามาลงทุนในตราสารระยะสั้น (อายุไม่เกิน 1 ปี) เป็นส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการพักเงินระยะสั้นๆ และรอดูทิศทางของตลาดต่อไป
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.50% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.60%