กลุ่มแบงก์ร่วงยกแผง โดยเมื่อเวลา 11.04 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 318.73 จุด ลดลง 13.99 จุด(-4.99%) โดยมีหุ้นแบงก์นำตลาดดิ่ง 5 อันดับแรก คือ
หุ้น CIMBT ราคาอยู่ที่ 2.12 บาท ลดลง 0.18 บาท(-7.83%)มูลค่าซื้อขาย 54,000 บาท
หุ้น TISCO ราคาอยู่ที่ 32.75 บาท ลดลง 2.25 บาท(-6.43%)มูลค่าซื้อขาย 20.70 ล้านบาท
หุ้น KTB ราคาอยู่ที่ 13.20 บาท ลดลง 0.90 บาท(-6.38%)มูลค่าซื้อขาย 567.83 ล้านบาท
หุ้น SCB ราคาอยู่ที่ 97.50 บาท ลดลง 5.50 บาท(-5.34%)มูลค่าซื้อขาย 685.98 ล้านบาท
หุ้น TMB ราคาอยู่ที่ 1.26 บาท ลดลง 0.06 บาท(-4.55%)มูลค่าซื้อขาย 63.51 ล้านบาท
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์เช้านี้ปรับตัวลงนำตลาดฯ มองว่าเป็นการรับ Sentiment ลบจากภายนอกประเทศเท่านั้น จากความกังวลที่เกิดปัญหาหนี้ในยุโรป จนส่งผลให้แบงก์ในต่างประเทศเริ่มมีปัญหาเกี่ยวพันกันไปหมด และทำให้หุ้นแบงก์ในต่างประเทศต่างปรับตัวลงกันมากเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะแบงก์ในฝรั่งเศสมีการมองกันว่าจะเสียหายมากในครั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลระบุว่าสถาบันการเงินในฝรั่งเศสได้มีการปล่อยกู้ให้กับกรีซถึง 45% ของเงินกู้ทั้งหมดของกรีซ และสหรัฐฯเองก็มีการลงทุนในพันธบัตรยูโร และฝรั่งเศสด้วย
อย่างไรก็ดี จากการที่ได้มีการ visit หลายแบงก์ในไทยแล้วพบว่ามีการลงทุนในต่างประเทศน้อยมากภายหลังจากที่เกิดวิกฤตซับไพร์ม ก็ทำให้แบงก์ในไทยมีความระมัดระวังการลงทุนเป็นอย่างมาก ดังนั้นปัญหาหนี้ในยุโรปครั้งนี้จึงมองว่าแบงก์ในไทยแทบไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด อีกทั้งราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์ก็ปรับตัวลงจากผลกระทบที่เกิดจากภายนอกประเทศจนทำให้ตอนนี้เห็นว่าราคาได้ปรับตัวลงมากเกินไปแล้ว
แต่ตอนนี้คงแนะแค่ Wait & See เพื่อรอให้ภาพนิ่งก่อน อีกทั้งคงจะต้องติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซอย่างใกล้ชิดด้วย
"หลายโบรกฯได้ปรับประมาณการของหุ้นแบงก์คงเป็นผลจากความเสี่ยงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น แต่หากมองในแง่ความสามารถในการปล่อยสินเชื่อ และการเติบโตของกำไร มองว่าแบงก์ยังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้าได้เป็นอย่างดี เพียงแต่คงจะพึ่งพิง Export น้อยลง แต่การเติบโตในประเทศคงจะต้องพึ่งแบงก์อยู่ดี ดังนั้นมองว่าการเล่นหุ้นในกลุ่มแบงก์น่าจะปลอดภัยมากกว่า และในแง่ของ Sector แบงก์ก็น่าสนใจที่สุดแล้ว"น.ส.ศศิกร กล่าว