นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต (TBANK) เปิดเผยว่า หลังการรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตกับธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 54 ทำให้ธนาคารกลายเป็นธนาคารอันดับ 5 ที่มีเครือข่ายมากที่สุด สินทรัพยเป็น 8.5 แสนล้านบาทและมั่นใจว่า 3 ปีข้างหน้าสินทรัพย์รวมเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านบาทและตั้งเป้าเพิ่มสินเชื่อและมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 10% ของระบบธนาคารพาณิชย์จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 8-9%
สำหรับในปีนี้สิ้นเชื่อรวมของธนาคารจะขยายตัวสอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศที่ประมาณ 5% เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารใช้เวลามากในการควบรวมกิจการ
ส่วนปี 55 จะเติบโตใกล้เคียงกับเศรษฐกิจหรือสูงกว่าเศรษฐกิจเล็กน้อย โดยการปล่อยสินเชื่อธนาคารยังเป็นผู้นำสินเชื่อรถใหม่ และจะพัฒนาเครือข่ายและบริการเพื่อรักษาเบอร์ 1 ในสินเชื่อเช่าซื้อต่อไปและการรวมกิจการทำพให้บริษัทให้บริการได้ครบวงจร มีบริการที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับความต้องการลูกค้า
นายสมเจตน์ กล่าวต่อว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกต้องติดตามอย่างใกล้ชิดแต่โดยรวมส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยไม่มากนักเนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งสามารถจะช่วยให้ผ่านวิกฤตไปได้ ส่วนนโยบายภาครัฐเรื่องรถคันแรกจะกระตุ้นประชาชนที่จะการซื้อรถคันแรกให้ตัดสินใจเร็วขึ้นจากประโยชน์ทางภาษีส่วนสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อคงต้องรอความชัดเจนก่อน แม้ว่าในหลักการจะเป็นการคืนภาษีก็ตาม
นอกจากนี้ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งเลขาธิการคนใหม่ของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คือ นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ว่าเป็นบุคคลในแวดวงเศรษฐกิจอยู่แล้วและ ก.ล.ต.มีบุคลากรที่มีความสามารถจำนวนมากคาดว่าจะให้คำแนะนำได้ดีและสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการคัดเลืกนายวรพลมานั้นต้องเคารพการตัดสินใจของคณะกรรมการคนอื่น ๆ ด้วย