สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 76,130 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 71,029 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 93% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 4,519 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 3 ปี และ 6 ปี (LB133A LB145B และ LB17OA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,072 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 534 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือหุ้นกู้ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC135B) หุ้นกู้ของ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW218A) และหุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC13OB) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 378 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 29,260 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 2,397 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 7,380 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลง ในช่วงประมาณ 1 — 5 Basis Point โดยพบว่าปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากผลการประมูลพันธบัตรธปท. อายุ 1 ปี ในวันนี้ที่อัตราผลตอบแทนจากการประมูลออกมาค่อนข้างต่ำ ประกอบกับมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากความกังวลถึงวิกฤตหนี้ของประเทศกรีซในขณะนี้ที่อาจผิดนัดชำระหนี้ได้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในวันนี้ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.50% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.57% ปรับตัวลดลง 0.03% จากวันก่อนหน้า