บมจ.อาปิโก ไฮเทค(AH) คาดผลกำไรสุทธิปี 54 ดีกว่าปีก่อน โดยไตรมาส 3/54 คาดรายได้รวมโต 20-30% จากไตรมาส 2/54 และไตรมาส 4/54 มีรายได้เติบโตต่อเนื่องจากออเดอร์ลูกค้าล่วงหน้าถึงสิ้นปี ขณะที่มองว่ารายได้ปี 55 จะโดตามยอดการผลิตรถยนต์ปีหน้าที่คาดว่าจะโต 20% จากผุ้ผลิตออกรถรุ่นใหม่ทั้งอีโคคาร์และปิกอัพ และได้มาตรการ"รถคันแรก"หนุนตลาดรถยนต์ในประเทศเติบโต
นายเย็บ ชูชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AH กล่าวกับ"อินโฟเควสท์" ในปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิจะโตกว่าปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 356.57 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 138.12 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าในครึ่งปีหลังทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทได้รับออเดอร์ล่วงหน้ามาถึงเดือนพ.ย.แล้ว
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/54 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโต 20-30% จากไตรมาส 2/54 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,702 ล้านบาท เมื่อยอดขายเพิ่มกำไรก็จะเพิ่มขึ้นตาม
"ช่วงไตรมาส 3 นี้ เราใช้กำลังการผลิตที่ 90% แล้ว และไตรมาส 4/54 ยอดขายก็ต้องมากกว่าไตรมาส 3 ด้วย เพราะตอนนี้ออร์เดอร์เรายาวไปถึง 4 เดือนแล้ว ซึ่งปกติธุรกิจรถยนต์ออร์เดอร์จะโฟกัส 12 เดือน แต่จะมีออร์เดอร์ที่ fixed 3 เดือน คือเดือนก.ย.-พ.ย.และออเดอร์ถัดไปม.ค.-พ.ค.ก็จะเริ่มมาแล้ว" นายเย็บ กล่าว
ในปี 55 นายเย็บ คาดว่า ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะเติบโต 20% จากปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 1.9 ล้านคัน หรือจะเพิ่มอีก 3-4 แสนคัน ซึ่งจะทำให้ยอดขายของบริษัทน่าจะเติบโตได้ตามอุตสาหกรรม แต่ในส่วนกำไรจะเติบโตมากกว่า
ทั้งนี้ ยอดผลิตที่เพิ่มขึ้นจะมาจากรถรุ่นใหม่ 5 รุ่น ได้แก่ อีโคคาร์ที่หลายค่ายเร่งผลิต เช่น นิสสัน มาร์ช, ฮอนด้าบรีโอ้ และรถกระบะรุ่นใหม่ ค่ายฟอร์ด มาสด้า จีเอ็ม ที่จะออกกระบะรุ่นใหม่ออกมา ซึ่งอีโคคาร์ได้เริ่มผลิตปีนี้แต่วอลุ่มยังไม่มาก แต่ 6 เดือนแรกปีหน้าออร์เดอร์มาแล้วโดยเฉพาะออร์เดอร์รถรุ่นใหม่ดังกล่าว
"ปี 55 ตลาดรถยนต์ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยน โตดีมากแน่ เพราะถ้ามีรถยนต์รุ่นใหม่ๆออกมาปกติยอดขายจะโต 30-40% เพราะคนที่จะเปลี่ยนรถก็ต้องรอรุ่นใหม่ที่จะมาบูมตลาดรถยนต์ในปีหน้า อีกทั้งคาดการณ์ปีหน้าส่งออกน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดอาเซียน และยอดขายในประเทศก็น่าจะโต 20-30% จากรถรุ่นใหม่ทั้งอีโคคาร์ใหม่ ปิกอัพใหม่"นายเย็บ กล่าว
ประกอบกับ ได้รับแรงหนุนจากนโยบายมาตรการลดภาษีรถคันแรก ที่จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม เพราะคนก็อยากจะซื้อรถมากขึ้น ซึ่งนโยบายรัฐบาลถ้าจบก็มีผลทันที ตอนนี้เป็นช่วงที่ทุกคนตื่นเต้นอยู่
สำหรับงบลงทุนปี 55 บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องรอดูก่อนว่าโรงงานในเครือแต่ละแห่งกำลังการผลิตเต็มหรือไม่หากเต็มก็ต้องขยาย เพราะปัจจุบันบางโรงงานก็เต็มกำลังการผลิต แต่บางโรงงานก็ยังว่างอยู่
ปัจจัยที่น่าเป็นห่วง คือสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะวิกฤตหนี้ยุโรป เพราะถ้าตลาดต่างประเทศไม่ดีการส่งออกก็อาจจะน้อยลง ซึ่งจะส่งผลถึงปริมาณการผลิตด้วย