นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมกรผู้ตัดการ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.ภัทร กล่าวว่า บล.ภัทรได้ปรับลดเป้าดัชนีหุ้นไทยในปีนี้มาที่ 920 จุดจากเดิมเป้าอยู่ที่ 1,100 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทั้งยุโรปและสหรัฐ โดยในยุโรปกังวลปัญหาหนี้ในกรีซ และอาจผิดนัดชำระหนี้ และจะลุกลามไปสู่ภาคสถาบันการเงิน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังชะลอตัว ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย
ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า (ปี 55) จะมีความผันผวนสูง ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดให้มากที่สุด เพื่อรอให้สถานการณ์ต่างๆชัดเจน จึงค่อยกลับมาตัดสินใจลงทุน
พอร์ตการลงทุนในช่วงนี้สำหรับนักลงทุนระยะยาว 5-10 ปี นายศุภวุฒิ แนะนำให้ลดการถือครองหุ้นเหลือสัดส่วน 30-40% ของพอร์ต จากระดับปกติอยู่ที่ 50-60% และหันมาถือเงินสดเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 10% รวมทั้งเข้าถือพันธบัตรสัดส่วน 30-40% และ ทองคำ 5% แม้ราคาช่วงนี้จะมีความผันผวนแต่มองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ อาจจะลงทุนประเภทอื่น เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์
"ช่วงนี้ก็แล้วแต่ว่านักลงทุนจะลงทุนในหุ้นหรือเปล่า อย่างนักลงทุนที่อายุยังน้อยก็อาจจะยอมรับความเสี่ยงได้ อาจลงทุนในหุ้นก็ได้ เพราะมองว่าราคาต่ำ แต่ในส่วนตัว ควรที่จะถือเงินสดให้มากที่สุด เพราะสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน ถ้าคนที่อยากเล่นหุ้น แนะนำให้เล่นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ส่วนกลุ่มค้าปลีกก็ดีแต่ P/E ค่อนข้างสูง" นายศุภวุฒิกล่าว
นายศุภวุฒิ กล่าวว่า บล.ภัทร เตรียมปรับเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของประเทศในปี 55 ลงจากเดิมคาดเติบโต 4.5% ถ้าเกิดกรณีเลวร้ายสุดตามการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ที่จะปรับจีดีพีลดลง 3% สำหรับประเทศเกิดใหม่ ซึ่งรวมไทยด้วย เนื่องจากปัญหาหนี้สินในยุโรป และหนี้สาธารณะในสหรัฐที่ไม่สามารถแก้ไขได้ รวมทั้งเรื่องหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในเอเชีย