นายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการบริหาร บริษัท .ไม่ตัน กล่าวในงานเสวนา"จุดประกายแนวคิด ทำธุรกิจแบบไม่ตันกับตัน ภาสกรนที"ว่า บริษัท ไม่ตัน มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 5 ปี เพราะมีประสบการณ์ในจากธุรกิจ SME เล็กๆ ในอดีตของบมจ.โออิชิ(OISHI)เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหลังมีโอกาสได้นำบริษัทระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ทำให้สามารถขยายโรงงานเพิ่ม
"มาวันนี้ผมคิดว่าได้ประโยชน์จากการเข้าระดมทุนในตลาดฯ และการที่ได้ BOI ซึ่งจริงๆ คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดคือรัฐบาล เพราะถ้าทุกคนคิดแค่จะทำธุรกิจแบบเดิมๆ บริหารภาษีเหมาเพื่อให้ตัวเองเสียภาษีน้อยที่สุด แต่มาวันหนึ่งพบว่าการเสียภาษียิ่งมากก็จะได้คืนกลับมากเยอะ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ทั้งผู้ประกอบการ รัฐบาล และประเทศชาติ"นายตัน กล่าว
จากประสบการณ์ครั้งแรกการนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้เวลามาก เพราะแต่เดิมบริษัททไม่ได้ทำตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ แต่สำหรับบริษัท ไม่ตันครั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วทุกด้าน ทั้งระบบบัญชี มีผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้มาตรฐาน ระบบการเปิดเผยข้อมูล ทำตามขั้นตอนถูกต้องตั้งแต่วันแรก ซึ่งทำให้บริษัทสามารถกู้เงินได้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"ถ้าต้นทุนต่ำก็จะประสบความสำเร็จดี เพียงแต่รอให้มียอดขายและกำไรเหมาะสม สำหรับจังหวะการเติบโตของธุรกิจใหม่ใช้นโยบายทำธุรกิจไปได้มาก็แบ่งปันไป วิธีคิดก็คือจะคิดถึงคนอื่นก่อน แล้วค่อยคิดถึงตัวเอง"นายตัน กล่าว
นายตัน กล่าวว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ ในช่วงเริ่มต้น OISHI สร้างโรงงานแห่งแรกใช้เงินลงทุน 60 ล้านบาท และซื้อเครื่องจักรอีก 60 ล้านบาท แต่ในครั้งนี้ บริษัท ไม่ตัน ลงทุนครั้งเดียว 3,500 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินและสร้างโรงงาน 76 ไร่ มูลค่า 200 ล้านบาท ตั้งคลังสินค้าขนาด 48,000 ตร.ม.รองรับยอดขายได้ 15,000 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักร 1,000 ล้านบาทจากญี่ปุ่น เป็นเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุด
อดีตผู้ก่อตั้ง OISHI กล่าวว่า อยากจะแนะผู้ประกอบการ SME ช่วงที่เผชิญภาวะน้ำท่วมว่า น้ำท่วมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งโรงงานของบริษัท ไม่ตัน ก็อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยเฉพาะที่ห้องเครื่องจักรได้มีการก่ออิฐขึ้นมาปิดกั้นน้ำไว้ทั้งหมด และปิดท่อระบายน้ำทุกท่ออีก 1.5 เมตร โดยโรงงานดังกล่าวผลิตเครื่องดื่มชาเขียวและเครื่องดื่มทุกชนิดมีมูลค่า 3,500 ล้านบาท
"โรงงานยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่น้ำกำลังจะมา โดยเฉพาะห้องเครื่องก่ออิฐสูงขึ้นมา เพราะหลักคิดคืออย่ากลัวเสียเงินแต่ต้องคิดว่าเสียเพื่อให้ได้มา พร้อมกับวิธีคิดที่ว่าเราต้องเปลี่ยนแปลง ต่อสู้ ไม่ยอมแพ้เราก็สามารถอยู่รอดได้ เอาตัวรอดได้ และต้องยอมรับสภาพ เสียอะไรก็เสียไปแต่อย่าเสียกำลังใจ"นายตัน กล่าว