สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 98,358 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 94,454 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 96% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 3,182 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 เดือน 4 ปี และ 10 ปี (LB11NA LB155A และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,846 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 524 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK247A) หุ้นกู้ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS121A) และหุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK123A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 343 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 48,534 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 11,709 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 527 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงตลอดทุกช่วงอายุตราสาร ในช่วงประมาณ 1 — 3 Basis Point โดยในวันนี้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อปัญหาหนี้ในยุโรป จากกระแสข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงสหภาพยุโรปกำลังเร่งหาทางออกกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรง (เพิ่มขึ้น 51.07จุด)
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.49% ปรับตัวลดลง 0.01% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.54% ปรับตัวลดลง 0.02% จากวันก่อนหน้า