นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี(AGE) เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AGE ส่วนตัวได้เข้าไปซื้อหุ้น AGE ในตลาดหุ้นตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2554 และมีแผนจะทยอยซื้อเพิ่มอีก เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ราคาหุ้น AGE ต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่แท้จริง
“ราคาหุ้น AGE ในขณะนี้ถือว่าต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นฐานของบริษัทฯ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจยุโรป และอเมริกาจะประสบปัญหาวิกฤต แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ มากนัก เพราะ AGE ไม่ได้ส่งออกถ่านหินในแถบประเทศเหล่านั้น"นายพนม กล่าว
ทั้งนี้ ธุรกิจถ่านหินโดยรวมยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว จะส่งผลให้มีความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นจากทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่มีการบริโภคถ่านหินเป็นหลักอย่างประเทศจีน นอกจากนี้ ประเทศอินเดีย มีแผนจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวนมากเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต สะท้อนให้เห็น ว่าระยะยาวความต้องการใช้ถ่านหินยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่ง AGE มีแผนจะเข้าไปทำตลาดในอินเดียปีหน้าอย่างแน่นอน
AGE ยังมั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะเพิ่มขึ้นกว่า 80% หรือมีรายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวม 2,818 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2553
และบริษัทฯ มียอดการส่งออกถ่านหินไปจีนแล้วกว่า 5.5 แสนตันในระยะ 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งคาดได้ว่าปีนี้จะมีการส่งออกถ่านหินเพิ่มขึ้นทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 6 แสนตันอย่างแน่นอน และบริษัทฯ จะมุ่งเน้นแผนการเจาะตลาดต่างประเทศทั้งจีน และอินเดียต่อเนื่อง รวมถึงยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มไปยังญี่ปุ่น และเกาหลีเพิ่มขึ้นด้วย