สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 98,423 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 91,354 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 93% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 6,391 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 3 ปี และ 10 ปี (LB133A LB14NA และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,786 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 240 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF14NB) หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK12OA) และหุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TTL136A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 171 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 40,881 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 6,963 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 2,136 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในตราสารช่วงอายุ 1 — 10 ปี โดยปรับตัวลดลง ในช่วงประมาณ 1 — 2 Basis Point ซึ่งภาพรวมของตราสารหนี้ในวันนี้ค่อนข้างเงียบ การซื้อขายตราสารหนี้กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ประมูลในวันนี้เป็นส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการพักเงินในระยะสั้นๆ และรอดูความชัดเจนของตลาด
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.49% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันก่อนหน้า