ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 ทำการ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3095.56 จุด บวก 20.19 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5675.70 จุด บวก 30.45 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5303.40 จุด บวก 12.14 จุด
ตลาดหุ้นในภูมิภาคยุโรปปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.103,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 50,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ 9.1% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์จากดับเบิลยู แบงก์ เอจีกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวผู้นำยุโรปมีความเห็นร่วมกันว่าจะใช้มาตรการเพิ่มทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรปที่ประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งรวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จัดหาเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารในยุโรป และประกาศใช้โครงการซื้อหุ้นกู้ของธนาคารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในวงเงิน 4 หมื่นล้านยูโร หรือ 5.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน ซึ่งรวมถึงราคาทองแดง ตะกั่ว และดีบุก โดยหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 1.2% และหุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 2.7%
หุ้นโททาล เอสเอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำรายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ
หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู และหุ้นเดมเลอร์ สองผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 4.1% และ 1.3% ตามลำดับ หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจาก ฟิทช์ เรทติงส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 12 แห่งในประเทศอังกฤษ โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 3%