MK รับปีนี้ยอดขายพลาดเป้า 3 พันลบ.,ปี 55 เปิด 5 โครงการรับบ้านหลังแรก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 10, 2011 09:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการเงิน-บัญชี บมจ.มั่นคงเคหะการ(MK)กล่าวว่า ยอดขายรวมปี 54 ของบริษัทคงทำไม่ได้ตามเป้าหมายช่วงต้นปีที่วางไว้ 3 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขาย 1.8 พันล้านบาทต่ำกว่าที่คาดไว้ราว 10% โดยเฉพาะไตรมาส 3/54 ลูกค้าการชะลอการตัดสินใจซื้อและโอนโครงการต่างๆ เพื่อรอความชัดเจนมาตรการภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 4/54 บริษัทคาดว่าจะมียอดขาย 600-800 ล้านบาท และยอดขายรวมในปีนี้จะยังคงเติบโตกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2.3 พันล้านบาท

“มาตรการต่างๆยังเห็นไม่ชัด ตอนนี้เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำ คนก็กังวลใจเรื่องน้ำท่วมอีก ซึ่งก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ก็ต้องรอดูช่วงโค้งสุดท้ายว่าจะเป็นอย่างไร ตอนแรกก็คิดว่าปลายปีนี้น่าจะดี แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้สัญญาณต่างๆยังดูไม่ค่อยดีนัก ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทำให้การตัดสินใจต่างๆต้องมีการคิดพิจารณาให้มากขึ้น"นางสาวชุติมา กล่าว

ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้บริษัทมีแผนเปิดอีก 1 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวนเกือบ 200 ยูนิต ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์-ท่าพระ ซึ่งจะเปิดขายพรีเซลในไตรมาส 4/54 และจะเปิดขายจริงในไตรมาส 1/55

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 55 บริษัทมีแผนเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 4 พันล้านบาท โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีที่ดินแล้ว 2 โครงการ ที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา

นางสาวชุติมา กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการคอนโดมิเนียม DEN วิภาวดีฯ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกของบริษัทว่า ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 450 ยูนิต หรือคิดเป็น 70% จากจำนวนยูนิตทั้งหมดที่ 750 ยูนิต ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างมองหาที่ดินเพื่อเปิดโครงการใหม่และรอดูผังเมืองใหม่ ส่วนโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ที่เพชรเกษมอยู่ระหว่างการออกแบบ

ปัจจุบัน บริษัทยังไม่มีแผนเปิดโครงการในต่างจังหวัด แต่หากเมื่อใดที่ยอดขายรวมของบริษัทแตะระดับ 5 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะถึงใน 3-4 ปีข้างหน้า บริษัทก็จะตัดสินใจหันมารุกโครงการต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเน้นในหัวเมืองหลักต่างๆ

นางสาวชุติมา กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีสต็อกบ้านและคอนโดฯที่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการบ้านหลังแรกของรัฐบาลอยู่ 250 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท และปี 55 จะมีโครงการที่เข้าข่ายได้รับประโยชน์เพิ่มเป็น 1 พันยูนิต มูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ