โบรกฯมองกลุ่มค้าปลีก-ค้าส่งรับประโยชน์ชาวบ้านแห่ตุนสินค้ารับมือน้ำท่วม

โบรกเกอร์ มองหุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งได้รับประโยชน์จากเหตุอุทกภัยหลายพื้นที่ที่กำลังขยายวงกว้างขึ้น และความกังวลว่ากรุงเทพฯ อาจจะได้รับผลกระทบ ทำให้ประชาชนจำนวนมากออกไปจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้น

นักวิเคราะห์จากบล.เอเซียพลัส กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่ขยายวงกว้างสร้างความกังวลให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ ทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาภจเกิดขึ้น โดยตัวหลักๆ ที่ได้ประโยชน์ คือ MAKRO และ BIGC ซึ่งประเมินว่ากลุ่มค้าปลีกได้รับประโยชน์จากน้ำท่วม แนะนำ"ซื้อ"ให้ราคาเหมาะสม BIGC ที่ 142 บาท และ MAKRO ที่ 249 บาท

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในไทยจะรุนแรงและกระจายวงกว้างมากขึ้น ทำให้ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค แต่วิกฤติที่เกิดขึ้นกลับเป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีก คาดในไตรมาส 4/54 จะมียอดขายสาขาเดิมเติบโตค่อนข้างดี แม้จะมีการปิดบางสาขาในพื้นที่น้ำท่วม แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทุกบริษัทยังมีสาขาจำนวนมากกระจายอยู่ในหลายพื้นที่

ทั้งนี้ เราคาดว่า BIGC, CPALL และ MAKRO จะได้ประโยชน์มากสุดจากการที่ประชาชนแห่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจำนวนมาก (ทั้งซื้อไว้เพื่อบริโภคเองและซื้อไว้เพื่อบริจาค) ตามด้วย HMPRO ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์จากมียอดขายสินค้าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วมคลี่คลาย ขณะที่ ROBINS คาดจะได้ประโยชน์น้อยสุดในกลุ่ม เพราะสินค้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย คงน้ำหนักลงทุน“มากกว่าตลาด"โดยเลือก CPALL และ HMPRO เป็น Top Picks ของกลุ่มฯ

เมื่อเวลา 11.20 น.หุ้น BIGC อยู่ที่ 113.00 ท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 14.03 ล้านบาท เปิดตลาดที่ 114.00 บาท ราคาสูงสุดที่ 116.50 บาท ต่ำสุด 113.00 บาท

หุ้น MAKRO ราคาลดลง 3.76% มาอยู่ที่ 205.00 บาท ลดลง 8.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.8 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 206.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 210.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 205.00 บาท

หุ้น HMPRO ราคาไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 8.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.58 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 8.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 8.85 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.70 บาท

หุ้น CPALL ราคาไหลลง 1.05% มาอยู่ที่ 46.75 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 45.33 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 46.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 47.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 46.75 บาท