นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยออยล์(TOP)คาดว่ากำไรงวด 9 เดือนแรกของปีนี้จะสูงกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ภายใต้ค่าการกลั่น(GRM)ที่ระดับ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และค่าการกลั่นรวม(GIM)ที่ระดับ 8-9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่บริษัทกำลังรอดูผลงานในช่วงไตรมาส 4/54 หากไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันเกิดขึ้น ก็น่าจะทำให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมาย
"ปิดไตรมาส 3 เราคิดว่า ทั้ง 3 ไตรมาสเกิน 1.2 หมื่นล้านบาท ถ้าไม่มี stock loss ปีนี้ก็น่าจะเป็นไปตามเป้า...ในไตรมาส 3 ก็มี stock loss บ้างแตบรรทัดสุดท้ายก็เป็น gain" นายสุรงค์ กล่าว
ปัจจุบัน ไทยออยล์ มีกำลังการกลั่น 99.9% ของกำลังการกลั่นรวม 2.75 แสนบาร์เรล/วัน มีสต็อกน้ำมัน 8 ล้านบาร์เรล หรือ 5% ของกำลังการกลั่น หรือ คิดเป็นเป็นปริมาณสำรอง 18 วัน
นายสุรงค์ เชื่อว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะไม่ตกวูบลงไปถึง 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมองว่าในปีนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่เฉลี่ย 100-105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลก็ไม่น่ากังวล
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/54 ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปว่าจะถดถอยอย่างที่กังวลหรือไม่ เพราะอาจทำให้ความต้องการใข้น้ำมันลดลง เท่าที่ดูสถิติที่ผ่านมาความต้องการน้ำมันยังมีเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากเอเชีย แต่หากลดลงก็คงจะไม่ลดฮวบฮาบเหมือนในปี 51 เพราะในช่วงนั้นราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเกิดจากการปั่นราคาในตลาดอนุพันธ์ แต่ปีนี้เกิดจากปัญหาหนี้ของยุโรปและสหรัฐ
ในวันนี้ ไทยออยล์มีพิธีเปิดการจำหน่ายน้ำมันสะอาด ตามามาตรฐานยูโร 4 ทุกผลิตภัณฑ์ อย่างเป็นทางการ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดบังคับใช้ภาครัฐในวันที่ 1 ม.ค. 55
นายสุรงค์ กล่าวว่า บริษัทสามารถผลิตน้ำมันพื้นฐานแก๊สโซฮออล์ 91/95 (base oil) มาตรฐานยูโร 4 ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. 54 โดยกรมธุรกิจพลังงานได้ตรวจสอบและให้การรับรองคุณภาพแล้ว ทำให้ปัจจุบันโรงกลั่นไทยออยล์สามารถผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ได้ครบทุกผลิตภัณฑ์เป็นแห่งแรกของไทย ตั้งแต่น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซินออกแทน 91 น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 และล่าสุดน้ำมันพื้นฐานแก๊สโซฮออล์ 91/95
ช่วงนี้ภาครัฐจะให้เงินชดเชยกับผู้ประกอบการที่ผลิตตามกำหนดได้ก่อน ในอัตราลิตรละ 0.24 บาทต่อลิตร แต่จะได้ปรับราคาขึ้นอย่างไรขึ้นกับภาครัฐ