ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 353,601 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 10, 2011 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (3-7 ตุลาคม 2554) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 353,601 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 70,720.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 2% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 92% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 326,439 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 23,699 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,396 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือ รุ่น LB21DA (อายุ 10.2 ปี), LB14NA (อายุ 4 ปี) และ LB155A (อายุ 3.6 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 3,218 ล้านบาท 3,022 ล้านบาท และ 2,957 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB11O25A (อายุ 14 วัน), CB11O26A (อายุ 14 วัน) และ CB11N03D (อายุ 30 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 79,888 ล้านบาท 65,105 ล้านบาท และ 21,946 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY123A (AA-)) มูลค่าการซื้อขาย 231 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC135B (BBB+)) มูลค่าการซื้อขาย 225 ล้านบาท และหุ้นกู้ของธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) (TBANK247A (A-)) มูลค่าการซื้อขาย 131 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตราสารที่มีอายุคงเหลือใยช่วง 5 ถึง 15 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงประมาณ 10 Basis point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ในขณะที่ตราสารที่มีอายุคงเหลือในช่วงอื่นๆ ปรับตัวลดลงเฉลี่ยแล้วประมาณ 2 - 3 Basis Point ตามความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศต่างๆทั่วโลก ทั้งนี้ภาพรวมของการซื้อขายตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังถือว่าค่อนข้างเงียบ ถึงแม้นักลงทุนจะเริ่มคลายความกังวลเรื่องปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปไปบ้างแล้วก็ตาม โดยล่าสุดกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมทั้งสหภาพยุโรป กำลังเร่งหาทางออกให้กับปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ส่งผลทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้จากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศหลังจากที่ในช่วงก่อนหน้านี้มีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การซื้อขายส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นๆ (อายุไม่เกิน 1 ปี) เป็นหลัก เพื่อรอดูทิศทางและความชัดเจนของตลาดต่อไป นอกจากนี้แล้วข่าวการปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2555 ให้อยู่ที่ร้อยละ 3 (+/- ร้อยละ 1.5) ซึ่งจะมีผลทำให้ กนง. มีความยืดหยุ่นในการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.5 % จนถึงสิ้นปี 2554 นี้ ข่าวดังกล่าวได้ส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงตามไปด้วย

ทางด้านนักลงทุนต่างชาติ ได้กลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ขายสุทธิติดต่อกันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,718 ล้านบาท ทั้งนี้มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก และสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 1,448 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ