นายเจริญสุข วรพรรณโสภาค รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายน้ำดิบในปีนี้เติบโต 5% หรือคิดเป็นปริมาณการใช้น้ำที่ 270 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% หรือเป็นปริมาณการใช้น้ำที่ 286 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากปริมาณน้ำที่มีจำนวนมากจากฝนตกมาก ทำให้ลูกค้ามีการกักเก็บน้ำไว้ใช้เองบางส่วน ขณะที่ลูกค้าในนิมคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดยังมีกำลังซื้อที่มากตามการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายน้ำดิบจะลดลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโต 5% จากปีก่อน หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท โดยมองว่าธุรกิจน้ำประปายังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
"ฝนที่ตกมากเรายังไม่เจอผลกระทบโดยตรง แม้ที่ฉะเชิงเทราน้ำจะท่วม แต่มีปริมาณไม่สูง ในแง่ลูกค้ากระทบในแง่ปริมาณการใช้ที่ลดลง ซึ่งบริษัทไม่ได้กังวล เพราะอีกด้านในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยเฉพาะในมาบตาพุดมีกำลังซื้อมากขึ้นจากเดิมที่ชะลอจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม"นางเจริญสุข กล่าว
และปัจจุบันบริษัทมีแผนจะพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มอีก 1 แห่งที่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เป็นมูลค่าลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท จะสามารถกักเก็บน้ำได้ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปัจจุบันมีแหล่งกักเก็บน้ำ 2 แห่ง คิดเป็นปริมาณรวม 9 ล้านลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมปรับราคาขายน้ำดิบในช่วงกลางปี 55 อีก 0.75 บาท/ลูกบาศก์เมตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 9.25 บาท เป็น 10 บาท/ลูกบาศก์เมตร เนื่องจากมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และบริษัทไม่มีการปรับขึ้นราคาน้ำมา 2-3 ปีแล้ว
บริษัทยังมีแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่องเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต และทดแทนการขายน้ำดิบที่จะลดลง โดยจะเป็นธุรกิจรับวางท่อน้ำตามแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ และธุรกิจกำจัดขยะชุมชน ซึ่งทั้งสองธุรกิจอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ โดยจะเป็นการลงทุนในรูปแบบการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ คาดว่าจะมีความชัดเจนใน 1-2 ปี
นายเจริญสุข กล่าวอีกว่า บริษัทได้ยกเลิกแผนการลงทุนต่างประเทศทั้งในจีนและเวียดนาม เนื่องจากหลังการศึกษาการลงทุนแล้วพบว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน โดยเฉพาะในประเทศจีน คณะกรรมการบริษัทว่าการลงทุนมีความเสี่ยงในแง่การรับสัมปทานที่มีเงื่อนไขซับซ้อน