สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 24,161 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 17,822 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 74% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 5,548 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 4 ปี 6 ปี และ 10 ปี (LB15DA LB17OA และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,575 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 386 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK12OA) หุ้นกู้ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH153A) และหุ้นกู้ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCC136A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 318 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 2,927 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 322 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 2,709 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงอยู่ในช่วงประมาณ -1 ถึง -4 Basis Point ซึ่งภาพรวมของตราสารหนี้ในวันนี้ค่อนข้างเงียบ การซื้อขายตราสารหนี้กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหลัก เพื่อเป็นการพักเงินในระยะสั้นๆ และรอดูความชัดเจนของตลาดต่อไป
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.49% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.50% ปรับตัวลดลง 0.03% จากวันก่อนหน้า