ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) หลังจากผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสให้คำมั่นสัญญาว่าจะออกมาตรการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคาร ซึ่งรวมถึงการเพิ่มทุนให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้วิกฤตหนี้สาธารณะลุกลามไปสู่ภาคธนาคาร
ดัชนี Stoxx 600 พุ่งขึ้น 1.7% ปิดที่ 235.94 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3161.47 จุด บวก 65.91 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5847.29 จุด พุ่งขึ้น 171.59 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5399 จุด บวก 95.60 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากนายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแนวทางการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธนาคารของยุโรป เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตหนี้สาธารณะส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัฐบาลฝรั่งเศส เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก ได้บรรลุข้อตกลงการแยกกิจการของธนาคารเด็กเซีย ซึ่งตามข้อตกลงดังกล่าว เด็กเซียจะต้องขายธุรกิจหลักทั้งหมด พร้อมกับจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ bad bank ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสและเบลเยียมจะเป็นผู้รับประกัน bad bank
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น โดยหุ้นปิโตรเลียม จีโอ-เซอร์วิสเซส พุ่งขึ้น 11% หุ้นเอเคอร์ โซลูชันส์ พุ่งขึ้น 10% หุ้นพรีเมียร์ ออยล์ พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ และเอชเอสบีซี ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ “overweight" ขณะที่หุ้นบีพีพุ่งขึ้น 2.9% และหุ้นเอเมค ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมด้านพลังงาน พุ่งขึ้น 2.7%
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นเช่นกัน หลังจากราคาโลหะพื้นฐาน รวมถึงทองแดงในตลาดลอนดอนพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นคาซัคมิสพุ่งขึ้น 3.4% หุ้นอันโตฟากัสต้าพุ่งขึ้น 2.9%
อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคารเด็กเซียร่วงลง 4.7% หลังจากคณะกรรมการบริหารของเด็กเซียได้ออกแถลงการณ์ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการที่ร่างโดยรัฐบาลฝรั่งเศส, เบลเยียมและลักเซมเบิร์ก โดยคณะกรรมการเด็กเซียได้ยอมรับข้อเสนอวงเงิน 4 พันล้านยูโรของรัฐบาลเบลเยียมเพื่อซื้อกิจการเด็กเซีย แบงก์ เบลเยียม