โบรกฯ มองต่างมุมทิศทาง SET ทั้งดิ่งหนักหากยุโรปลุกลาม-ไต่กลับขึ้นไปพันจุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 11, 2011 17:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต กล่าวในงานสัมมนา"ปรับพอร์ตโค้งสุดท้าย 2011 รับวิกฤตเศรษฐกิจโลก"มองตลาดหุ้นไทยในช่วง 12 เดือนข้างหน้ามีโอกาสที่จะลงไปแถว 850 จุด และอาจดิ่งลงไปถึง 700 จุดหากวิกฤตสถาบันการเงินยุโรปลุกลามไปนอกยูโรโซน ซึ่งจะไปดึงเศรษฐกิจโลกให้ถดถอยไปด้วย จึงมองเป็นไปได้น้อยมากที่ปิดสิ้นปีนี้ดัชนีจะเหนือ 1,000 จุด ขณะนี้การปรับตัวขึ้นมาในระยะนี้เป็นแค่การฟื้นตัวระยะสั้น

ทั้งนี้ เชื่อว่ามีโอกาสน้อยที่ต่างชาติจะกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเร็ว เพราะกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ปี 55 มีความเสี่ยงที่จะเติบโตช้าลง แต่ PE ปีหน้ามีแนวโน้มจะสูงกว่าเพื่อนบ้าน จากขณะนี้อยู่ที่ราว 11 เท่า แต่แนวโน้มการเติบโตของกำไรบจ.ที่จะโดดเด่นกว่าเพื่อนบ้านมีน้อย โดยเฉพาะหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีที่อ่อนไหวต่อราคาน้ำมัน

เนื่องจากประเมินว่าราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้าจะลดลงเฉลี่ยมาอยู่ที่ 94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอตัว ซึ่งจะฉุดกำไรของภาพรวม บจ.ในตลาดหุ้นไทยให้เติบโตเหลือแค่ 8.2% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 14% ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบ 105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ประกอบกับไทยยังเกิดปัญหาเฉพาะเรื่องน้ำท่วม จึงยังมีความผันผวนมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเห็นการเทรดหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานช่วง 6 เดือนนี้

ขณะที่นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เชื่อว่าปีนี้ดัชนี SET จะกลับขึ้นไปที่ 1,000 จุดได้ เพราะเงินในระบบตอนนี้ไม่ได้หายไปไหน เม็ดเงินของธนาคารกลางยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ กำลังอัดฉีดเงินเข้าตลาดทองคำและพันธบัตร แม้ว่าบางส่วนยังถือเงินสด แต่หากคลายความกังวลเมื่อใดก็พร้อมจะเข้าตลาดหุ้นทันที ตัวอย่างเช่นวันนี้มีข่าวดีข่าวเดียวก็หนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นใสได้

"ปีนี้ยังมอง 1,000 จุด ถ้าเศรษฐกิจไม่ได้เลวร้ายมาก คงกลับไปโตต่ำๆ แต่ก็อยู่ได้"นายสุกิจ กล่าว

จากการที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติปรัลบลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในปี 55 และเหลือ 20% ปีถัดไปนั้น นายสุกิจ มองว่า จะทำให้กำไรบจ.ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมอีก 6% แต่หากขึ้นค่าแรงพร้อมกัน 1 ม.ค.55จะฉุดกำไรลง 2% ก็จะเหลือกำไรโตจากประมาณการเดิม 4% กลุ่มที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ พลังงาน แบงก์ ค้าปลีก เพราะจ่ายค่าแรงในอัตราสูงอยู่แล้ว แต่ปัจจัยที่น่ากังวลเป็นในประเทศ คือ สถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมดได้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศไม่น่าห่วงแล้วเพราะสะท้อนไปมากแล้ว

"ตอนนี้ต้องเพิ่มพอร์ตมากกว่าลด เพราะตอนนี้บอนด์มีอัตราผลตอบแทนต่ำ แต่หุ้นควรจะเพิ่มพอร์ต เพราะมองอีก 12 เดือนตลาดหุ้นยังเป็น asset ที่น่าลงทุนอยู่ มองอีก 12 เดือนรีเทิร์น 30% คาดดัชนีที่ 1200 จุด เชื่อว่านักลงทุนจะกลับเข้ามาในหุ้นไทย"นายสุกิจ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ