ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 102.55 จุดจากความหวังสโลวาเกียผ่าน EFSF

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 13, 2011 06:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่าพรรคการเมืองต่างๆของสโลวาเกียบรรลุข้อตกลงที่จะรับรองการเพิ่มอำนาจให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่ระบุว่า คณะกรรมการเฟดบางคนเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากกว่า Operation Twist

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 102.55 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 11,518.85 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.71 จุด หรือ 0.98% ปิดที่ 1,207.25 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 21.70 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 2,604.73 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นขานรับรายงานที่ว่า พรรคการเมืองต่างๆของสโลวาเกีย รวมถึงพรรคฝ่ายค้าน ได้บรรลุข้อตกลงที่จะรับรองการเพิ่มอำนาจให้กับกองทุน EFSF ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่ารัฐสภาสโลวาเกียจะมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนให้กับกองทุนดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อไป หลังจากที่รัฐสภาสโลวาเกียปฏิเสธแผนการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในการลงมติรอบแรกเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา

นายอิวาน มิคลอส รัฐมนตรีคลังกล่าวว่า ค่อนข้างมีความเป็นไปได้ว่ารัฐสภาจะผ่านแผนการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในการลงมติครั้งที่สอง ซึ่งขะมีขึ้นภายในสัปดาห์นี้ พร้อมกับแสดงความเห็นว่า ในสโลวาเกียนั้น ประเด็น EFSF มีเรื่องการเมืองเข้ามาปะปนมากเกินไป

ขณะที่พรรคฝ่ายค้านหลักของสโลวาเกียระบุว่า ทางพรรคเต็มใจที่จะเจรจาหารือเพื่อให้การสนับสนุนกองทุน EFSF ภายหลังจากการล่มสลายของรัฐบาล และประกาศว่า การอนุมัติแผนการดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญสุดสำหรับพรรคหลังจากนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมของเฟดของวันที่ 20-21 ก.ย.ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการเฟดบางคนสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากกว่ามาตรการ Operation Twist

อย่างไรก็ตาม รายงานการประชุมของเฟดเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ซึ่งรวมถึงภาวะถดถอยในตลาดที่อยู่อาศัย, มาตรการคุมเข้มด้านการคลังที่มากจนเกินไป และผลกระทบจากการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป

หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 2.43% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลปะรกอบการที่น้อยเกินคาด ขณะที่หุ้นเป๊ปซี โค พุ่งขึ้น 2.87% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการพุ่งขึ้น 4.1%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย., รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนต.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ