สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 60,581 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 58,324 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 96% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 1,671 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 3 ปี และ 4 ปี ( LB145B LB15DA และ LB183B) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 816 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 495 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK163A) หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY123A) และหุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC153A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 358 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 22,401 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยมีสถานะซื้อสุทธิ 2,549 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 974 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วงประมาณ 1 ถึง 2 Basis Point โดยในวันนี้ผลการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประมูลออกมาได้ไม่เต็มวงเงินทั้ง 2 รุ่น (รุ่น BOT142A และ CB11N01A) ประกอบกับนักลงทุนต่างประเทศในวันนี้มีสถานะขายสุทธิ โดยพบว่ามีแรงขายออกมาในทุกช่วงอายุของตราสาร จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.46% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.40% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันก่อนหน้า