นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ หลังโมเมนตัมตลาดฯโดยรวมดูดีขึ้น เนื่องจากความกังวลเรื่องผลกระทบของภาวะน้ำท่วมดูผ่อนคลายลง หลังน้ำไม่ได้ไหลเข้าท่วมกรุงเทพฯ อย่างที่คาดการณ์กัน ประกอบกับตลาดฯมีความคาดหวังผลประกอบการไตรมาส 3/54 ของกลุ่มแบงก์ที่น่าจะออกมาดี
ด้านปัจจัยต่างประเทศโดยรวมยังเป็นบวก หลังที่ประชุมจี 20 ออกมาระบุพร้อมหาแนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน ซึ่งก็ต้องรอติดตามมาตรการ
พร้อมให้แนวรับ 950 และ 930 จุด แนวต้าน 973 จุด
ด้านบทวิเคราะห์บล.ฟิลลิป ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้จะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่องตามปัจจัยภายนอกที่ดูผ่อนคลายลง หลังเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีจะเปิดเผยแผนการแก้ไขวิกฤติหนี้ในการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรปในวันที่ 23 ต.ค. ขณะที่ปัจจัยเรื่องน้ำท่วมได้รับคำยืนยันจาก ศปภ.ว่าพื้นที่ชั้นในของกทม.จะยังคงปลอดภัยหลังมวลน้ำก้อนใหญ่จากทางเหนือได้ผ่านพ้นไปแล้ว
SET มีโอกาสฟื้นตัวไปยังกรอบแนวต้านแถว 965-975 จุด อย่างไรก็ดี คาดหวังความผันผวนระหว่างทางยังสูงจากการเฝ้าตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังส่งผลกระทบต่อนิคมฯในจังหวัดปทุมธานี อีกทั้งยังมีคำเตือนให้เฝ้าระวังอีกรอบในช่วง 28-30 ต.ค.
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(14 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,644.49 จุด เพิ่มขึ้น 166.36 จุด (+1.45%)ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,224.58 จุด เพิ่มขึ้น 20.92 จุด (+1.74%) ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,667.85 จุด เพิ่มขึ้น 47.61 จุด (+1.82%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 675.00 ล้านบาทเมื่อ 14 ต.ค. 54
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 86.80 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.57 ดอลลาร์ หรือ 3.05%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์เช้านี้เปิดที่ 8.65 เหรียญฯ/บาร์เรล ลดลงจากล่าสุด(7 ต.ค.)ปิดที่ 10.55 เหรียญฯ/บาร์เรล
- "วรรณรัตน์"เสนอ 2 แนวทางเยียวยาและฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมที่ประสบภัยน้ำท่วมวันนี้ ทั้งการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว 6 ปี และดูแลภาคแรงงาน สภาหอฯร้องขอสินเชื่อปลอดหลักประกันแนะรัฐบาลหยุดประชานิยม เก็บงบประมาณฟื้นฟูชาติและลงทุนระบบป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว ขณะที่คลังเปิดทางรัฐกู้เงินเพิ่ม 1.5 แสนล้านบาท พร้อมดึงเงินคงคลัง 5 แสนล้านมาในกู้วิกฤติ สศค.จ่อหั่นซ้ำจีดีพีรอบใหม่ ฟากนักเศรษฐศาสตร์ฟันธงแบงก์ชาติตรึงดอกเบี้ย 3.5% เหตุน้ำท่วมรุนแรงกว่าคาด
- แบงก์ชี้ความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมยังไม่จบและรุนแรงเกินกว่าคาด ชี้นอกจากสร้างความเสียหายโดยตรงต่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลายภาคอุตสาหกรรมแล้ว ยังลุกลามสู่ผู้ประกอบการคู่ค้าที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะ "เอสเอ็มอี-ธุรกิจขนาดกลาง" ซึ่งมีสายป่านสั้น ล่าสุดประเมิน "เอสเอ็มอี" ได้รับผลกระทบมากถึง 30% ขณะที่เครื่องจักรเสียหายหนัก ต้องใช้เวลาซ่อมแซมหลายเดือน และหวั่นกระทบแผนการลงทุนจากญี่ปุ่น จี้ภาครัฐเร่งฟื้นฟูเชื่อมั่น-หาแนวทางป้องกันเสียหายในอนาคต
- อุทกภัยพ่นพิษ สถานประกอบการเจอผลกระทบกว่าหมื่นแห่ง ลูกจ้างเดือดร้อน 3.5 แสนคน รัฐประเมินหากยืดเยื้อ แรงงานส่อตกงานนับแสน ทั้งจากโรงงานที่น้ำท่วมต้องปิดกิจการ และโรงงานอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เผยย่านสมุทรปราการเริ่มสั่งลดเวลาทำงานแล้ว ของบรัฐบาล 200 ล้านเติมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พร้อมเร่งหาตำแหน่งงานรองรับหลังน้ำลด
- โบรกฯ มองวิกฤตน้ำท่วมสร้างความเสียหายหลายแสนล้านบาท จีดีพีหดโตไม่ถึง 4% แน่ หลังหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโรงงานตั้งอยู่ในนิคมหรือพื้นที่น้ำท่วมโดยเฉพาะอุตฯ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนรถยนต์โดนหนัก ด้านแบงก์ก็ส่อหนี้เอ็นพีแอลขยับเพิ่ม ล่าสุดหลายโบรกฯเตรียมปรับเป้าผลกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่ พร้อมแนะนำจับตาต่างประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน อย่างใกล้ชิด แถมมองวัสดุก่อสร้าง-ค้าปลีก-อาหารได้รับอานิสงส์รอบนี้มากสุด
- อุตสาหกรรมยานยนต์รับผลกระทบหนักจากเหตุน้ำท่วม "ฮอนด้า" หนักสุด ดิ้นแก้ปัญหาส่งออก พร้อมดึงรถเพื่อนบ้านป้อนตลาดไทย ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ชิ้นส่วนออเดอร์หดหาย วอนรัฐเร่งฟื้นฟูแบบบูรณาการวางมาตรการชัดเจน หวั่นผู้ผลิตย้ายฐาน ปัญหาเฉพาะหน้าตลาดรถชะลอตัว 15-20% ยอดผลิตและส่งออกไม่ถึงเป้า
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย(กนง.)คงจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.50% ในการประชุมรอบที่ 7 ของปีในวันที่ 19 ตุลาคม2554 นี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยคาดว่ากนง.ให้น้ำหนักกับความเสี่ยงเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยครั้งรุนแรง รวมทั้งความเสี่ยงภายนอกประเทศจากปัญหาหนี้ในยูโรโซนที่อาจจะลุกลามไปสู่ภาคธนาคาร
- "พาณิชย์" เผย สหรัฐโต้โผใหญ่ จับมือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น รุกสมาชิกเอเปกเปิดเสรีการค้า การลงทุนสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าลดภาษีเหลือไม่เกิน 5% ภายในปี 2555 ไทยผนึกจีน-อินโดนีเซีย ค้าน