นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บมจ.อสมท (MCOT) ชี้แจงผ่านเอกสารเผยแพร่ว่า การที่คณะกรรมการบริษัทได้ยกเลิกสัญญาจ้าง นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อ 13 ตุลาคม 2554 จากความบกพร่องและการขาดประสิทธิภาพในการบริหารงาน ซึ่งยืนยันว่าความบกพร่องทั้ง 19 กรณีดังกล่าว ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการจัดผังรายการหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ อยู่ด้วยเลย
ทั้งนี้ตนเองขอตำหนิฝ่ายเลขานุการของ นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล อสมท.ที่ยังไม่เสนอจดหมายด่วนรายงานเรื่องการดำเนินการเลิกสัญญาจ้างกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ให้รัฐมนตรีได้ทราบ ซึ่งบริษัทได้ส่งรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ระบุความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่รวม 19 กรณีให้ทราบโดยละเอียดแล้ว และเชื่อว่าหากรัฐมนตรีได้มีโอกาสอ่านรายงานดังกล่าว ก็จะเข้าใจอย่างชัดเจน
สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าอาจมีผลประโยชน์มากถึง 20% ของการจัดผังรายการโทรทัศน์ที่มีการจ่ายให้ผู้ที่มีอำนาจดำเนินการนั้น ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีเศษของการดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ของนายธนวัฒน์ วันสม นั้น คณะกรรมการ บมจ.อสมท ถือว่าเรื่องการจัดผังรายการเป็นความรับผิดชอบของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และได้มอบให้ดำเนินการโดยเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว โดยคณะกรรมการ บมจ.อสมท ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และที่ผ่านมา อสมท ได้ปรับผังรายการทั้งที่เป็นการปรับเล็กและปรับใหญ่ไปแล้ว 8 ครั้ง (โดยจะมีการปรับทุกๆ 3 เดือน) ดังนั้น เมื่อมีฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องออกมายืนยันว่ามีการเรียกรับประโยชน์ตอบแทนนอกระบบ คณะกรรมการ บมจ. อสมท ก็จะได้ไปดำเนินการตรวจสอบย้อนหลังเพื่อให้ได้ความกระจ่างในเรื่องนี้ต่อไป
และการปรับผังรายการครั้งต่อไปที่กำลังมีการพิจารณาดำเนินการอยู่ในขณะนี้ กได้มอบหมายให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท คือ นายสุระ เกนทะนะศิล และทีมผู้บริหารที่รับผิดชอบเป็นผู้ดำเนินการ โดยไม่มีกรรมการ บมจ.อสมท คนใดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมอย่างใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการดำเนินธุรกิจปกติของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท
สำหรับประเด็นที่มีผู้ให้ความเห็นว่า การดำเนินการในเรื่องการเลิกสัญญาจ้างกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท เป็นเรื่องที่มีประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ยืนยันว่า การติดตามผลการปฏิบัติงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ที่ล่าช้า ไม่เป็นไปตามมติคณะกรรมการ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรนั้น ได้ดำเนินการมาหลายเดือนแล้ว แต่มิได้มีการประกาศให้สาธารณะทราบ เมื่อปัญหาที่สั่งสมมาเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการตั้งคณะทำงานจากคณะกรรมการ อสมท เข้าตรวจสอบอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกันยายน และนำมาสู่การตัดสินใจเลิกสัญญาจ้างในกลางเดือนตุลาคม ซึ่งก็เป็นการยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจที่มาจากความไม่มีประสิทธิภาพของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยแท้ ไม่มีประเด็นในเรื่องการเมืองใดๆ มาเกี่ยวข้องเลย
“การเลิกสัญญาจ้างกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท เป็นเรื่องการบริหารงานแท้ๆ ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเลิกจ้างแล้วก็มีคนไปวิ่งเต้นให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแทรกแซง ซึ่งก็ช้าเกินไปเสียแล้ว เพราะการเลิกจ้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปแล้วเมื่อคณะกรรมการ บมจ.อสมท มีมติ" ประธานกรรมการ บมจ.อสมท กล่าว