โบรกฯหนุน"ซื้อ"HMPRO กำไรเติบโตแข็งแกร่งตามยอดขาย-รับผลบวกหลังน้ำลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 17, 2011 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO) ยอดขายยังเติบโตต่อเนื่องทั้งจากสาขาเดิมและการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ 8-10 แห่ง ทำให้ถึงสิ้นปีบริษัทจะมีสาขารวม 60 แห่ง รวมถึงการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นตลอดทั้งปี ที่ช่วยหนุนกำไรสุทธิปีนี้ที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมอาจกระทบยอดขายของบริษัทในระยะสั้น ซึ่งในพื้นที่เสี่ยงแม้สาขาจะไม่ได้ปิดให้บริการแต่ลูกค้าอาจไม่สะดวกในการเดินทางมาใช้จ่าย แต่หลังน้ำท่วมคลี่คลายมองว่าน่าจะกลับเป็นผลดีต่อยอดขายของบริษัท เนื่องจากลูกค้าในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจะต้องใช้จ่ายซื้อสินค้าเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือน

นอกจากนั้น ในปี 55 บริษัทยังได้รับผลดีจากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายด้านภาษีลดลง อาจช่วยผลักดันกำไรสูงขึ้นบ้าง แต่อีกด้านบริษัทอาจมีภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และปรับเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 15,000 บาทด้วยเช่นกัน

          โบรกเกอร์             คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.กิมเอ็ง               ซื้อ                   10.20
          บล.ทรีนิตี้                ซื้อ                   12.50
          บล.ธนชาต               ซื้อ                   11.40
          บล.เกียรตินาคิน         ซื้อเก็งกำไร               9.80
          บล.ฟิลลิป                ซื้อ                   11.75
          บล.ทิสโก้                ถือ                   10.80

นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการขอบริษัทที่ยังแข็งแกร่งมีมีแนวโน้มเติบโตต่อเน่องจากสาขาเดิมและสาขาใหม่ ปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขา 8-10 สาขา ทำให้จนถึงสิ้นปีบริษัทมีสาขาทั้งหมด 60 แห่ง ปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,970 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน โดยกำไรเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/54 และเติบโตแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 4/54 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมมองว่าเป็นปัญหาระยะสั้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสาขาใดๆ แต่เป็นผลกระทบในแง่ของลูกค้าที่ไม่มีความสะดวกในการเดินทางมาจับจ่าย จึงอาจกระทบยอดขายในระยสั้นๆเท่านั้น แต่มองว่าหลังน้ำท่วมคลี่คลายน่าจะเป็นผลบวกมากกว่า เพราะลูกค้าจะกลับมาจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อซ่อมแซมบ้าน

“น้ำท่วมคงประเมินได้ยากว่ามีผลต่อยอดขายแค่ไหน แต่มองว่าเป็นปัญหาระยะสั้นที่อาจกระทบยอดขายบ้าง ในแง่ของลูกค้าเดินทางลำบาก แต่ store ของบริษัทไม่ได้ถูกกระทบด้วย ดังนั้น โดยรวมน่าจะเป็นผลบวกหลังน้ำลดแล้ว" นางสาวสุทธาทิพย์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 55 มองว่า แม้รัฐบาลจะมีนโยบายในการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% แต่โดยรวมคงทำให้กำไรเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะอีกด้านรัฐบาลก็มีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ปรับเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นเช่นกัน

นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดขณะนี้ อาจกระทบยอดขายของบริษัทในพื้นที่เสี่ยงบ้าง เช่น จ.อยุธยา จ.ลพบรี แต่สาขาของบริษัทยังเปิดให้บริการตามปกติ และยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่ามีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยอดขายหลักของบริษัทมีจากสาขาอื่นกว่า 98% ขณะที่มองว่าหลังน้ำลดคลี่คลายแล้ว อาจทำให้สาขาในพื้นที่เสี่ยงเหล่านั้น จะมียอดขายในสินค้ากลุ่มซ่อมแซมบ้านเพิ่มขึ้นอย่ามีนัยสำคัญ

ผลประกอบการในไตรมาส 3/54 คาดว่ากำไรของบริษัทเติบโต 26% จากกำลังซื้อที่ดีขึ้นจากปีก่อนและการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง และการขยายสาขาใหม่ๆ ขณะที่ในไตรมาส 4/54 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันและมีการจัดงาน HomePro Expo จะสร้างยอดขายและกำไรเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นทั้งปี 54 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโต 24%

แต่ในปี 55 คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตโดดเด่น จากแรงหนุนของการขยายสาขา 8-10 แห่ง และยังได้รับประโยชน์จากการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดภาระค่าใช้จ่ายภาษี จึงคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปี 55 จะเติบโต 35% และมองว่ากำไรสุทธิของบริษัทใน 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%

“ปกติกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทมีค่อนข้างสูง ซึ่งการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% ทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีลดลงทันที ซึ่งมองว่าจะช่วยผลักดันกำไรของบริษัทในปี 55-56 เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10-14%"นางสาวณัฏฐ์วริน ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ