ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 276,542 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 17, 2011 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (10-14 ตุลาคม 2554) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 276,542 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 55,208 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 22% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 90% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 249,063 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 22,777 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 3,364 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือ รุ่น LB21DA (อายุ 10.2 ปี), LB155A (อายุ 3.6 ปี) และ LB145B (อายุ 2.6 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 4,782 ล้านบาท 2,623 ล้านบาท และ 2,209 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB11O31A (อายุ 14 วัน), CB11N01A (อายุ 14 วัน) และ CB11O25A (อายุ 14 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 66,045 ล้านบาท 41,394 ล้านบาท และ 19,444 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่หุ้นกู้ของบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW142A (AA-)) มูลค่าการซื้อขาย 501 ล้านบาท หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY123A (AA-)) มูลค่าการซื้อขาย 446 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH153A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 400 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น โดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ 15 Basis point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ทั้งนี้ภาพรวมของการซื้อขายตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังถือว่าค่อนข้างเงียบ ถึงแม้นักลงทุนจะเริ่มคลายความกังวลเรื่องปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปไปบ้างแล้วก็ตาม โดยล่าสุดกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมทั้งสหภาพยุโรป กำลังเร่งหาทางออกให้กับปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ส่งผลทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้จากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศหลังจากที่ในช่วงก่อนหน้านี้มีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมในหลายๆจังหวัดของประเทศไทยในขณะนี้ ที่เริ่มลุกลามและทวีความรุนแรงมากขึ้น จนคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาบวกงบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้กลายมาเป็นแรงกดดันให้การซื้อขายตราสารหนี้ในสัปดาห์นี้ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนมองว่า มีความเป็นไปได้ที่ ธปท. อาจจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย นักลงทุนส่วนใหญ่จึงชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูความชัดเจนต่อไป นอกจากนี้แล้ว การคาดการณ์ต่างๆเหล่านี้มีผลทำให้เส้น Yield Curve ในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงตามไปด้วยเช่นกัน

ทางด้านนักลงทุนต่างชาติ มีมูลค่าการซื้อขายลดลงเมื่อเทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,928 ล้านบาท ทั้งนี้มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก และสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 4,236 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ