ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากนายวูล์ฟกัง ชูเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาด ในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้ยูโรซนอาจจะยืดเยื้อออกไป และอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 247.49 จุด หรือ 2.13% แตะที่ 11,397.00 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 23.72 จุด หรือ 1.94% แตะที่ 1,200.86 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 52.93 จุด หรือ 1.98% แตะที่ 2,614.92 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23 ต.ค.ที่กรุงบรัสเซลล์ จะบรรลุข้อตกลงเรื่องการใช้มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะที่กำลังลุกลามในยูโรโซน โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นกว่า 6% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552
แต่ภาวะการซื้อขายผันผวนอย่างหนักในวันจันทร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 2% หลังจากนายชูเบิล รมว.คลังเยอรมนีเปิดเผยว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูในวันที่ 23 ต.ค.นี้ คาดว่าผู้นำอียูจะใช้แผน 5 ขั้นตอนเพื่อแก้ไขภาวะไร้เสถียรภาพในยูโรโซน และเพื่อขจัดความไม่แน่นอนในตลาด แต่ผู้นำอียู "จะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาด" ในการประชุมครั้งนี้
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายสเตเฟน เซเบิร์ต โฆษกรัฐบาลเยอรมนีได้ออกมาเตือนว่า "ความคาดหวังที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขและจัดการได้ภายในวันจันทร์หน้านั้น อาจจะยังไม่เกิดขึ้น"
นักวิเคราะห์จากบริษัทเกลนเมดในเมืองฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีปฏิกริยาอย่างมากต่อการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่เยอรมนี และคาดว่านับจากนี้ตลาดจะจับตาดูกความเคลื่อนไหวในยุโรป นอกจากนี้ การแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเยอรมนีได้ฉุดหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงอย่างหนัก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินที่คำนวนณในดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 3.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 1.6%
ส่วนหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลงเกือบ 8.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์ จากไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.09 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเออาร์เอ็ม คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 6.1% หลังจากมีรายงานว่าเออาร์เอ็มและสหภาพนักบินไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับสัญญาการจ้างงานฉบับใหม่
ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อคืนนี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กที่ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในรัฐนิวยอร์ก (Empire State Index) ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ -8.5 จุดในเดือนต.ค. นอกจากนี้ เฟดเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของสหรัฐขยายตัว 0.2% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ วันอังคาร กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., กระทรวงการคลังจะเปิดเผยข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนส.ค. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.
วันพุธ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ