ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงทุกตลาดเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากนายวูล์ฟกัง ชูเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาด ในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5859.43 จุด ร่วงลง 107.77 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3166.06 จุด ร่วงลง 51.83 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5436.70 จุด ลบ 29.66 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงอย่างหนัก หลังจากนายชูเบิลได้แสดงความคิดเห็นว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูในวันที่ 23 ต.ค.นี้ คาดว่าผู้นำอียูจะใช้แผน 5 ขั้นตอนเพื่อแก้ไขภาวะไร้เสถียรภาพในยูโรโซน และเพื่อขจัดความไม่แน่นอนในตลาด แต่ผู้นำอียู "จะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาด" ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายสเตเฟน เซเบิร์ต โฆษกรัฐบาลเยอรมนีแสดงความเห็นว่า "ความคาดหวังที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขและจัดการได้ภายในวันจันทร์หน้านั้น อาจจะยังไม่เกิดขึ้น"
หุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ เอสเอ (อีทีอี) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของกรีซ ร่วงลง 10% และฉุดหุ้นธนาคารตัวอื่นๆของกรีซร่วงลงด้วย โดยหุ้นอีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส์ ดิ่งลง 9.5% หุ้นพิเรอุส แบงก์ ร่วงลง 9.1%
หุ้น G4S ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยรายใหญ่ระดับโลก ดิ่งลง 22% หลังจากมีรายงานว่า G4S ตกลงซื้อกิจการบริษัท ISS ซึ่งเป็นธุรกิจรับทำความสะอาด มูลค่า 5.2 พันล้านปอนด์ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายฐานธุรกิจสู่การให้บริการที่หลากหลาย
อย่างไรก็ตาม หุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ดีดตัวขึ้น 2.2% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทอนาดาร์โค ยอมจ่ายเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งใหญ่ในอ่าวเม็กซิโก
หุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม สายการบินรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ดีดตัวขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้นลอรีอัล ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางรายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 1.2%