ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/54 ปัจจัยหลักขับเคลื่อนผลประกอบการที่ดีมาจากสินเชื่อขยายตัว 5.3 % จากไตรมาส 2/54 รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 7.8% ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นที่ 20.1% และคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับดี โดย NPLs อยู่ที่ 2.69 % ส่งผลให้ธนาคารมีกำไรสุทธิไตรมาส 3/54 ที่ 8.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาส 2/54 และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.48 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ไตรมาส 3/54 รายได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 7.8% จากไตรมาส 2/54 มาอยู่ที่ระดับ 13.53 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 12.55 พันล้านบาทของไตรมาส 2/54) การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่อที่สูง (กลุ่มธุรกิจ SME กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อรถยนต์) และรายได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนเป็นหลัก
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 20.1% จากไตรมาส 2/54 จากการเติบโตต่อเนื่องของรายได้ประกัน รายได้จากการบริหารเงินและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ
คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับดี โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นไตรมาส 3/54 อยู่ที่ระดับ 2.69% อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 118.7 % ณ สิ้นไตรมาส 3/54 เทียบกับ 114.5% ในไตรมาส 2/2554
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า เรื่องที่ธนาคารให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้และถือเป็นเรื่องเร่งด่วน คือ ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ส่งผลกระทบรุนแรงไปในหลายภาคส่วนและอาจขยายวงกว้างขึ้นอีก ดังนั้น จากการที่ธนาคารมีผลประกอบการที่ดี มีความมั่นคงทางการเงินและรากฐานที่แข็งแกร่ง ธนาคารพร้อมที่จะใช้ทรัพยากรของธนาคารที่มีอยู่ในด้านต่างๆ ช่วยเหลือลูกค้าและสังคมอย่างเต็มที่
ดังนั้น คณะกรรมการธนาคารได้อนุมัติในหลักการในการปรับเพิ่มวงเงินช่วยเหลือรองรับเป็น 20,000 ล้านบาท และพร้อมที่จะขยายวงเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น ทั้งนี้ ธนาคารหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความช่วยเหลือของทุกภาคส่วนที่เกิดขึ้นจะทำให้เราสามารถก้าวพ้นช่วงเวลาที่ลำบากนี้ไปได้"