ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกศก.สหรัฐ,หนี้ยุโรป ฉุดดาวโจนส์ลบ 72.43 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 20, 2011 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) หลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ Beige Book ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงเกือบทุกภูมิภาค นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า การเจรจาเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนที่ว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 72.43 จุด หรือ 0.63% แตะที่ 11,504.62 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 15.50 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 1,209.88 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 53.39 จุด หรือ 2.01% แตะที่ 2,604.04 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากเฟดทั้ง 12 สาขาเปิดเผยในรายงาน Beige Book ว่า "ภาวะเศรษฐกิจและภาคธุรกิจชะลอตัวลงในเกือบทุกภูมิภาค นอกจากนี้ คาดว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจในเกือบทุกภูมิภาคจะซบเซาลงอีกในระยะใกล้นี้"

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังได้ส่งสัญญาณว่า การเจรจาเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหภาพยุโรปยืนยันว่ายังไม่มีการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดของกองทุนดังกล่าว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการปฏิเสธรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษที่ระบุว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงเพื่อเพิ่มวงเงินในกองทุน EFSF ขึ้น 5 เท่า สู่ระดับกว่า 2 ล้านล้านยูโร

นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค.นี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ของกรีซ และคาดว่าจะมีการตกลงกันเกี่ยวกับรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุน EFSF โดยอาจจะเกี่ยวกับการใช้ EFSF เพื่อค้ำประกันการขาดทุนครั้งแรกสำหรับการออกตราสารหนี้ครั้งใหม่ในยูโรโซน

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับผลกระทบจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น สู่ระดับ A1 จากระดับ Aa2 เนื่องจากหนี้สาธารณะของสเปสอยู่ในระดับสูง ประกอบกับภาคเอกชนที่ยังเผชิญกับความยากลำบากในการระดมทุนในตลาดการเงิน และเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก

หุ้นแอปเปิลร่วงลง 5.6% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 39% สู่ระดับ 2.827 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.969 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2551 ที่แอปเปิลทำรายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์

ส่วนหุ้นอินเทล คอร์ป พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากอิลเทลเปิดเผยว่าบริษัทมีรายได้ 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28% ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 65 เซนต์ เพิ่มขึ้น 25%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีขึ้นเกือบ 1% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดว่าจะอยู่ที่ 30 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 1.6% หุ้นธนาคารแบล็คร็อคร่วงลง 4.7%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 15% สู่ระดับ 658,000 ยูนิตต่อปี

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ