หุ้น บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)เตรียมเข้าเทรดวันแรกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะไม่มีราคาสูงสุดและต่ำสุด โดย PTTGC เกิดจากควบรวมกิจการระหว่าง PTTCH และ PTTAR โดย PTTGC มีจำนวนหุ้นชำระแล้ว 4,505,984,638 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ทุนชำระแล้ว 45,059,846,380 บาท และจะเข้าไปอยู่ในหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
โบรกฯ เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น PTTGC มองราคาหุ้นก่อนควบรวมกิจการ PTTCH และ PTTAR ปิดเทรดครั้งสุดท้ายอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทั้งที่ธุรกิจปิโตรเคมี ทั้งสายโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ ต่างอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และระยะยาวก็คาดว่า PTTGC จะสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตได้พอสมควร จากการแปลงรูป product ที่ไม่ค่อยมี value ให้เป็น product ที่มี value สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นช่องทางการเพิ่มผลกำไรด้วย แต่แผนการปรับ product ให้มีราคาสูงภายใน 3 ปีจะสามารถเพิ่ม EBIDA ได้ 30% จากปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้ต้องอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ราคาน้ำมันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอด 3 ปี
นอกจากนี้ เชื่อว่าสเปรดปิโตรเคมีที่แย่ในช่วงนี้จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า(H1/55) เพราะเชื่อว่าจีนจะต้องมีการเพิ่ม Inventory เพื่อตุนไว้ใช้ ตรงนี้จะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นได้
อีกทั้ง การควบรวม PTTCH และ PTTAR ครั้งนี้ จะทำให้เกิดกำลังการผลิตของปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์ และสายอะโรเมติกส์ รวมกันมากถึง 8.2 ล้านตัน อีกทั้งพ่วงธุรกิจโรงกลั่นเข้ามามีกำลังการผลิต 280,000 บาร์เรลต่อวัน การควบรวมครั้งนี้คาดว่าจะเกิด Synergy ในสายธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2554)ไว้ในช่วง 35,800-37,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2555)คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ในช่วง 39,357-42,000 ล้านบาท
อนึ่ง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ PTTGC ณ วันที่ 19 ต.ค.2554 คือ บมจ.ปตท.(PTT)ถือหุ้น 2,204,318,909 หุ้นหรือคิดเป็น 48.92% ของทุนชำระแล้ว
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 105.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 90.00 บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 78.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 79.00 บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) Outperform 75.00 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ (จะเผยแพร่ 21 ต.ค.54)
นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์ สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTTGC เนื่องจากมองราคาหุ้นปิดครั้งสุดท้ายของ PTTCH และ PTTAR อยู่ในระดับต่ำอยู่แค่ 52 บาทเท่านั้น(คิดรวมทั้งสองตัวแล้ว) อีกทั้งระยะยาวก็คาดว่าจะมีกำไรเติบโตพอสมควร จากการแปลงรูป product ที่ไม่ค่อยมี value ให้เป็น product ที่มี value สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นช่องทางการเพิ่มผลกำไรให้กับ PTTGC ด้วย แต่แผนการปรับ product ให้มีราคาสูงภายใน 3 ปีจะสามารถเพิ่ม EBIDA ได้ 30% จากปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้ต้องอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ราคาน้ำมันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอด 3 ปี
นอกจากนี้ เชื่อว่าสเปรดปิโตรเคมีที่แย่ในช่วงนี้จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า(H1/55) เพราะเชื่อว่าจีนจะต้องมีการเพิ่ม Inventory เพื่อตุนไว้ใช้ ตรงนี้จะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นได้
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2554) 37,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2555)คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 42,000 ล้านบาท
ด้านน.ส.นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า หุ้น PTTGC แนะซื้อด้วยราคาเป้าหมาย 79 บาท/หุ้น อ้างอิงค่า P/E 10 เท่า ก่อนที่จะมีการควบรวมกิจการของ PTTAR และ PTTCH ก็ได้มีการแนะนำให้ซื้อหุ้นทั้งสองตัวนี้อยู่แล้ว เนื่องจากราคาหุ้นบนกระดานมีการเทรดด้วยค่า P/E ที่ต่ำมากแค่ 6-7 เท่า
นอกจากนี้ในแง่ธุรกิจภายหลังควบรวมกิจการแล้วก็ได้มองเชิงบวก จากธุรกิจปิโตรเคมี ทั้งโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทั้งคู่ อย่างอะโรเมติกส์ทิศทางจะดีขึ้น ภายหลังจากที่จีนได้มีการสร้างโรงงานเสร็จ จะทำให้ความต้องการอะโรเมติกส์แข็งแกร่ง ขณะที่ Supply มีน้อย อีกทั้งช่วงนี้ก็ยังต้องมีการเก็บสต็อคไว้ใช้ในปลายปีด้วย ด้านโอเลฟินส์ คงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งปีหน้าความต้องการคงจะน้อยลง และ Supply ก็คงจะน้อยด้วย อย่างไรก็ดีภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเชื่อว่าค่าเฉลี่ยสเปรดก็น่าจะใกล้เคียงกับปีนี้
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2554)ไว้ที่ 35,800 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น(EPS) 7.94 บาท ส่วนปีหน้า(2555)คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 39,357 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น(EPS) 8.73 บาท
ส่วนนายสุทธิชัย คุ้มวรชัย นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า หากมองในส่วนของหุ้น PTTAR และ PTTCH ก่อนที่จะมีการควบรวมกิจการเป็น PTTGC จะเห็นได้ว่า ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลงมากจนเป็นที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน
"ถ้าเศรษฐกิจโลกไม่แย่ไปมาก ๆ ตัวเลข GDP ไม่ได้ปรับตัวลงแรง จีนไม่หยุดการเติบโต เชื่อว่า Demand และ Supply หลาย ๆ สายธุรกิจปิโตรเคมี ยังน่าจะทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ดีอยู่ และทำให้ผลประกอบการน่าจะดีได้ในปีหน้า(2555)"นายสุทธิชัย กล่าว
สำหรับบล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ปรับประมาณการมูลค่าเหมาะสมของ PTTGC ได้เท่ากับ 78 บาท หากพิจารณาที่ค่า EV/EBITDA ของ PTTGC อยู่ในระดับต่ำเพียง 6.31 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจลงทุน เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมของเอเซีย อีกทั้งค่า P/BV ต่ำเพียง 1.24 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ทั้งนี้ คาดว่าประเด็นที่มีอิทธิพลต่อปิโตรเคมีมากที่สุดคือเศรษฐกิจจีนควรจะต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 9% ในปี 2555
การควบรวม PTTCH และ PTTAR จะทำให้เกิดกำลังการผลิตของปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์ และสายอะโรเมติกส์ รวมกันมากถึง 8.2 ล้านตัน อีกทั้งพ่วงธุรกิจโรงกลั่นเข้ามามีกำลังการผลิต 280,000 บาร์เรลต่อวัน การควบรวมครั้งนี้คาดว่าจะเกิด Synergy ในสายธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป