หุ้นในกลุ่มแบงก์เช้านี้ร่วงแรงกว่า 4% โดยเมื่อเวลา 10.39 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 328.22 จุด ลดลง 14.09 จุด(-4.12%)นำดิ่งโดยหุ้น TISCO ราคาอยู่ที่ 30.25 บาท ลดลง 1.75 บาท(-5.47%) มูลค่าซื้อขาย 40.17 ล้านบาท
หุ้น BBL ราคาอยู่ที่ 132 บาท ลดลง 6.50 บาท(-4.69%)มูลค่าซื้อขาย 500.32 ล้านบาท
หุ้น BAY ราคาอยู่ที่ 19.70 บาท ลดลง 0.90 บาท(-4.37%)มูลค่าซื้อขาย 66.45 ล้านบาท
หุ้น SCB ราคาอยู่ที่ 100.50 บาท ลดลง 4.50 บาท (-4.29%)มูลค่าซื้อขาย 314.32 ล้านบาท
หุ้น KTB ราคาอยู่ที่ 13.70 บาท ลดลง 0.60 บาท(-4.20%)มูลค่าซื้อขาย 387.37 ล้านบาท
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์เช้านี้ปรับตัวลงยกแผง ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าจะเป็นผลจากการมองกันว่าผลประกอบงวดไตรมาส 4/54 จะอ่อนตัวลง อันเนื่องมาจากภาวะน้ำท่วม และอาจจะทำให้ตัวเลข NPL ขยับตัวสูงขึ้นด้วย แต่ก็มองว่าคงเป็นแรงกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ ผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในปีหน้า(2555)น่าจะยังดีอยู่ แม้ตัวเลข NPL จะขึ้นมาบ้างแต่ก็คงจะไม่น่ากังวล เพราะแบงก์ได้มีการตั้งสำรองฯไว้มากเฉียด 100% แล้ว หากจะมีการตั้งสำรองอีกก็คงจะไม่มากนัก อีกทั้งแบงก์ยังน่าจะได้รับประโยชน์จากการปล่อยสินเชื่อภายหลังจากที่น้ำลดแล้ว เพราะเชื่อว่าโรงงานหลายแห่งต้องมีการปิดซ่อมแซมและตรงนี้ก็ต้องใช้เงิน รวมทั้งมาตรการของภาครัฐฯที่ออกมายังเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นได้อยู่ ดังนั้น ตอนนี้ยังเห็นว่ากลุ่มแบงก์ยังดูดีกว่ากลุ่มอื่น เพราะกำไรปีหน้าเชื่อว่ายังเติบโตได้ ขณะที่กลุ่มอื่นอาจมีการชะลอตัวหรือไม่เติบโตเลย